"บิ๊กจิน" เตรียมเสนอ ครม. สัปดาห์หน้า อนุมัติกรอบความร่วมมือ หรือ MOC ก่อนบินไปลงนามการพัฒนาระบบรางไทย-ญี่ปุ่น ด้านคลังยืนยันโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท ไม่มีปัญหาพร้อมหาเงินกู้สนับสนุน
พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าสัปดาห์หน้ากระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาอนุมัติกรอบความร่วมมือก่อนที่ผู้แทนกระทรวงคมนาคมจะ เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อลงนามกรอบเงื่อนไขความร่วมมือ หรือเอ็มโอซีกับกระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นเพื่อเดินหน้าการร่วมมือพัฒนาระบบรางในหลายเส้นทาง โดยคาดว่าจะลงนามระหว่าง 2 ประเทศ ในวันที่ 26 หรือ 27 พฤษภาคม 2558
ทั้งนี้ในการเจรจากับผู้แทนญี่ปุ่นช่วงที่ผ่านมาชัดเจนว่าญี่ปุ่นให้ความสนใจลงทุนหลายโครงการโดยเฉพาะ โครงการรถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน ความเร็วมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ศึกษาแผนรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางเดินรถของรถไฟเส้นทางดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่ปี 2555
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการก่อสร้างครั้งนี้ตามกรอบความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น จะมีการทบทวนภาพรวมของแผนทั้งหมด รวมทั้งเร่งทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้เสร็จ โดยกระทรวงคมนาคมตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างต้นปี 2559 ส่วนรายละเอียดของวงเงินการลงทุนและที่มาของงบประมาณนั้น จะมีการศึกษาควบคู่พร้อมกัน เมื่อได้รายละเอียดเส้นทางแล้วจะทำให้ทราบวงเงินรายละเอียดของการลงทุน ส่วนที่มาของงบประมาณนั้น จะมาจากการร่วมทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินการ
นอกจากนี้ทางญี่ปุ่นยังให้ความสนใจการลงทุนเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคของไทย โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟรางมาตรฐานอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว หรือเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจด้านใต้ รวมทั้งแนวทางภาคตะวันออกของไทย ปัจจุบันแม้ไทยมีข้อตกลงกับจีนที่จะพัฒนารถไฟรางมาตรฐานเส้นทาง หนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคตะวันออกไทยยังมีเส้นทางระบบรถไฟอีกหลายโครงการ ไม่ว่าแอร์พอร์ตลิงค์ หรือรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง ในอนาคตญี่ปุ่นสามารถเข้ามาพัฒนาความร่วมมือในการลงทุนรถไฟแบบอื่นๆ ได้ ซึ่งจะมีการเจรจากรอบความร่วมมือต่อไป
ด้านนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยืนยันว่าไม่มีปัญหาในการกู้เงินเพื่อใช้ก่อสร้างโครงการ ก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) 2 เส้นทาง วงเงินลงทุนกว่า 1.4 แสนล้านบาท คือ สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. วงเงิน 8.46 หมื่นล้านบาท และสายบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. วงเงิน 5.56 หมื่นล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะสามารถกู้ได้ และคาดว่ากระทรวงคมนาคมจะเสนอเข้าที่ประชุมครม.พิจารณาในวันที่ 12 พฤษภาคม 2558
ที่ผ่านมาคาดว่าการก่อสร้างจะใช้เป็นรูปแบบการร่วมทุนระหว่าง รัฐและเอกชน หรือพีพีพี แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากเอกชนคงไม่สามารถมีรายได้เพียงพอคุ้มกับเม็ดเงินลงทุน ดังนั้นก็จะต้องใช้วิธีการกู้เงินผ่านงบประมาณรายจ่ายปกติ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังยืนยันว่าหากโครงการมีความจำเป็น เหมาะสม กระทรวงการคลังก็จะเตรียมแหล่งเงินกู้ไว้ให้ได้อยู่แล้ว
โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวที่ว่า รมว.คมนาคม ระบุว่าโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ยังไม่ได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เนื่องจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด เนื่องจากกระทรวงการคลังยังไม่สามารถจัดหาแหล่งเงินกู้ให้ได้
ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ยังเตรียมจัดหาแหล่งเงินกู้โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน วงเงิน 78,294 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 2 โครงการ ประกอบด้วย
- โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วน วงเงินรวม 37,602 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำโดยการจัดทำระบบประปาหมู่บ้านและระบบชลประทาน เพื่อกักเก็บน้ำ และการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยโดยการจัดทำระบบป้องกันน้ำท่วม พัฒนาระบบการระบายน้ำ ระบบผันน้ำ และระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงการศึกษาสำรวจและออกแบบโครงการขนาดใหญ่ที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างใน ปีงบประมาณ 2559
- โครงการพัฒนาระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน วงเงินรวม 40,692 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงบูรณะทางหลวง การปรับปรุงทางจักรยาน การติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างและป้ายจำกัดความเร็ว แก้ไขจุดเสี่ยง การเพิ่มช่องจราจร การขยายเส้นทางการปรับปรุงถนนทางแยกและทางกลับรถ โดยคาดว่าจะทยอยเบิกจ่ายเงินได้ในปี 2558 จำนวน 32,954 ล้านบาท ปี 2559 จำนวน 39,756 ล้านบาท และในปี 2560 อีกจำนวน 5,583 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า