น้ำใส กิจกรรมดี ที่เที่ยวหลากหลาย สนุกสนาน อิ่ม อ้วนอืด กับ 3 วัน 2 คืน
แม้จะคนเยอะและใช้เวลาเดินทางมากอยู่บ้าง แต่ก็นับได้ว่าครบรสจริงๆ คร๊าบ
การเดินทางของพวกเราเริ่มต้นเวลาตีสามครึ่งของวันศุกร์จากกรุงเทพฯ ไปยัง ท่าเรือธรรมชาติ จังหวัดตราด โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง หลังจากนั้น ก็นำรถขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะช้างใช้อีกครึ่งชั่วโมง หนทางท่าเรือไปที่พักจะมีทางขึ้น-ลงเขาที่ชันพอสมควรทำให้ทำความเร็วได้ไม่มากนักกว่าจะถึงที่พักได้ ก็ต้องขับรถอีกชั่วโมงกว่า แต่พอถึงที่พักแล้วก็หายเหนื่อยครับ ที่พักที่ทางทัวร์จัดไว้ให้เรานั้น สวยงามดูดีเลยทีเดียว
หลังจากเช็คอินเสร็จ ก็ทำการเก็บสัมภาระเปลี่ยนชุดกันเลยเพื่อที่จะไปเที่ยวน้ำตกคลองพลู ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ขับรถอีกเพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงน้ำตก แต่ก่อนที่จะไปเล่นน้ำตกก็พักทานอาหารตรงทางขึ้นก่อนครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง 555+ ตอนที่นั่งทานอาหารอยู่ก็เห็นว่าน้ำตกแห้งมาก ซึ่งถามจากร้านอาหารก็ได้ทราบว่าปีนี้ (2016) เป็นปีที่น้ำน้อยที่สุดเท่าที่เคยแล้ว แต่ก็ไม่ย่อท้อครับ ยังไงมาแล้วต้องไปให้ถึงที่สุด หลังจากตุนเสบียงใส่ท้องกันเรียบร้อย ยังไม่ทันจะเดินขึ้นฝนก็เทลงมา แต่ไหนๆตั้งใจมาเล่นน้ำเราเลยไม่กลัวเปียกเดินลุยฝนขึ้นไปเล่นน้ำที่พอมีอยู่บ้างด้านบน ก็ได้บรรยากาศอีกแบบเพราะความที่น้ำน้อย คนก็เลยน้อยไปด้วย ส่วนตั๊วส่วนตัวเลยทีเดียว เล่นน้ำอยู่ชั่วโมงกว่าก็กลับลงมาเพื่อจะกลับที่พักไปเตรียมตัวสำหรับมือเย็นต่อไป
ระหว่างทางกลับมีปางช้างเลยแว๊ะให้อาหารช้าง ควานช้างผู้ใจดีก็จัดแสดงส่วนตัวให้น้องช้าง เล่นนู่นนี่ให้เราดูด้วยปลื้มมาก ให้อาหารเสร็จกลับที่พักไปว่ายน้ำในสระรอเวลาอาหารค่ำ
เช้าวันที่สองของการเที่ยวเกาะช้างก็ทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดให้ นั่งกินชิวๆรอรถที่จะมารับเราไปท่าเรือที่จะพาเราออกไปดำน้ำ รถมารับแปดโมงครึ่งเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงท่าเรือครับ เรือเป็นเรือโดยสารขนาดใหญ่จุได้ประมาณ 200 คน เลยต้องรอคนให้มาจนครบอีกพักใหญ่ หลังจากนักท่องเที่ยวมาพร้อมกันแล้วเรือก็ทยอยออกไปจุดดำน้าจุดต่างๆครับ (บนเรือมีร้านขายขนมด้วยนะ)
โดนน้ำ ดำน้ำ สไลด์ลงน้ำ น้ำใส่ขนาดนี้ มันอดไม่ไหวต้องอัดให้เต็มที่ แล้วก็กลับมาสลบครับ ที่ไม่ได้ถ่ายมาในคลิปเพราะแรงหมดจริงๆ หลังจากสลบไปพักใหญ่ค่ำๆก็ออกไปหาร้านอาหารสวยๆริมทะเลนั่งฟังเพลง รับลมเย็นๆ จนดึกก็กลับเข้าที่พักเตรียมตัวกลับสู่กรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้นครับ
แนะนำว่าในการจะนำรถข้ามเรือเฟอร์รี่ในช่วงที่เป็นวันหยุดหรือเทศกาล ไม่ว่าจะขาไปหรือกลับถ้าไม่อยากรอคิวให้ออกไปถึงท่าเรือให้เช้าที่สุดเท่าที่จะเช้าได้ ไม่เช่นนั้นคิวจะยาวมาก ขอให้ทุกท่านเที่ยวอย่างมีความสุขและมีสตินะครับ ขอบคุณที่อ่านแล้วรับชมครับ ถ้าชอบกดไลค์ถ้าใช่กด ติดตามให้ด้วยนะครับ