ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน จึงควรพิจารณาไตร่ตรองรายละเอียดข้อมูลอย่างรอบคอบในทุกขั้นตอน ดังนี้
1. ไตร่ตรองความพร้อมก่อนคิดจะซื้อบ้าน
ควรประเมินกำลังซื้อของตนเองก่อน โดยพิจารณาปัจจัย 3 ประการดังนี้ คือ เงินออม , เงินกู้ยืม และเงินรายได้ ซึ่งก่อนจะซื้อบ้าน คุณควรมีเงินออมอย่างน้อย 10-20% เพื่อเป็นเงินก้อนสำหรับการจ่ายเงินดาวน์ครั้งแรก แต่หากไม่ได้เตรียมไว้ในสัดส่วนดังกล่าว คือไม่มีเงินออมสำรองไว้เลย จะทำให้คุณมีภาระเงินกู้ที่หนักขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายถึงแต่เงินต้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเป็นรายวันอีกด้วย
2. คิดความต้องการพื้นฐานจากบ้านที่คุณต้องการ
ประเมินความต้องการพื้นฐานของตัวคุณและครอบครัว เช่น จำนวนสมาชิก จำนวนห้องนอน จำนวนที่จอดรถ ระยะทางในการเดินทางของคุณและคนในครอบตรัว เป็นต้น ซึ่งการประเมินนี้ต้องรวมถึงการวางแผนครอบครัวในอนาคตของคุณด้วย เช่น การมีบุตร การรับบุพการีมาอยู่ด้วย เป็นต้น
3. ค้นหาบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการ และกำลังซื้อของคุณ
เมื่อผ่าน 2 ข้อข้างต้นมาแล้วทีนี้ก็ถึงจุดที่อาจทำให้คุณต้องปวดหัว กับปัญหาซ้ำซากที่ทุกคนเจอ ไม่ว่าจะเป็นทำเลถูกใจราคาสูงไป ราคาถูกแต่เดินทางไกล มือสองทำไมแพงกว่ามือหนึ่ง เป็นคำถามวนเวียนเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งคุณควรใช้วิธีการให้คะแนนความสำคัญในเป็น Checklist ที่ได้มาจาก 2 ข้อข้างต้น แล้วให้คะแนนบ้านแต่ละหลังที่คุณกำลังพิจารณา จะทำให้คุณเห็นภาพความคุ้มค่าจากบ้านแต่ละหลังชัดเจนมากขึ้น ซึ่งทางบ้านคุ้มค่าช่วยยกตัวอย่าง Checklist ในการพิจารณาให้คะแนนดังนี้
- ราคาอยู่ในงบประมาณที่ประเมินไว้
- จำนวนชั้น ห้องนอน ห้องน้ำ หรือสเปคอื่นตรงตามความต้องการ
- ความสะดวกสบายด้านการเดินทาง และเส้นทางคมนาคม
- ใกล้พื้นที่ให้บริการสาธารณะ หรือสถานีที่สำคัญต่างๆ
- พื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ หรือมลภาวะ เช่น น้ำท่วม ไฟป่า โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ
- การบริหารส่วนกลาง และค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือรายปี
- สิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป
- เปรียบเทียบราคากับตัวบ้านและวัสดุที่ใช้
4. ต่อรองราคาก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์อันสูงสุด
ควรพิจารณารายละเอียดและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ แล้วทำการเจรจาต่อรองกับผู้ขายโครงการ หรือผู้ถือครองเดิม (กรณีเป็นบ้านมือสอง) เมื่อพบบ้านที่ถูกใจแล้วควรพยายามต่อรองราคาซื้อขายก่อนเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์อันสูงสุด คุ้มค่ากับการซื้อขายและประหยัดงบประมาณให้ได้มากทีสุด ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ขายจะตั้งราคาขายเผื่อการต่อรองไว้อยู่แล้ว หากมีคนสนใจที่จะซื้อจริงๆ โดยอาจมีเหตุผลหลายประการในการต่อรอง เช่น ราคาตลาดในย่านใกล้เคียง สภาพของบ้านที่จะซื้อ ข้อเสียที่เห็นได้อย่างชัดเจนของบ้าน เป็นต้น
5. เลือกผู้ให้สินเชื่อ/ธนาคาร ที่เหมาะสมและได้ผลประโยชน์อันสูงสุด (กรณีไม่ได้ซื้อขายด้วยเงินสด)
ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นกับผู้ซื้อหลายๆคนคือ มุ่งตรงไปที่ธนาคารที่ปล่อยดอกเบี้ยต่ำที่สุด! แต่อย่าลืมว่า การกู้ซื้อบ้านเป็นการกู้ระยะยาว ดังนั้นไม่ควรมองแค่ดอกเบี้ยในระยะ 1-3 ปีเท่านั้น แต่ให้มองไปถึงระยะยาวว่าธนาคารกำหนดไว้อย่างไร (สินเชื่อส่วนใหญ่มักกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำในช่วง 1-3 ปีแรกเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ส่วนใหญ่แล้ว สินเชื่อเหล่านี้เมื่อนำมาคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย มักจะสูงกว่าสินเชื่อทั่วไป) นอกจากนี้ควรพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆควบคู่ไปด้วย เช่น ระยะเวลาการกู้, เงื่อนไขต่างๆ, ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอืนๆ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ตัวผู้กู้เอง
นอกจากนี้หากคุณซื้อโครงการใหม่จากผู้ประกอบการ ลองสอบถามพนักงานขายว่าโครงการมีโปรโมชั่นกับธนาคารใดบ้าง เพื่อสิทธิรับดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ อีกทั้งการทำสินเชื่อร่วมกับการทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อจะทำให้ได้ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับการไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ
เพราะเรารู้ว่า "บ้าน" เป็นสิ่งสำคัญ เลือกอสังหาฯ เลือก..บ้านคุ้มค่า
ให้เช่าคอนโด Sindhorn Residence ขนาด 71 ตรม ชั้น4 ห้องมุม ตึกA ตกแต่งสวย เครื่องใช้ไฟฟ้าครบพร้อมอยู่ ใกล้ BTS ชิดลม
ขายที่ดิน สุวินทวงศ์96 1ไร่ 14ตรว. ที่สวย ถมแล้ว เข้าซอยเพียง 300 เมตร
ขายบ้านเดี่ยวจังหวัดมหาสารคาม เนื้อที่ 56 ตารางวา อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
ขายที่ดิน ขายถูก ในซอย สุวินทวงศ์ 96 1ไร่ 13ตรว. ใกล้ถนนใหญ่ 300 เมตร