แสงแดดกับฮวงจุ้ยของบ้าน สัมพันธ์กันอย่างไร ?

8,893 Views เผยแพร่ 25 พ.ย. 58
แสงแดดกับฮวงจุ้ยของบ้าน สัมพันธ์กันอย่างไร ?

แสงแดดนั้นมีความสำคัญกับการออกแบบบ้านและอาคารเป็นอย่างมาก โดยแสงแดดจะเป็นตัวการนำความร้อนมาสู่บ้านอยู่เสมอ เช่น ตอนเวลาสายๆทิศตะวันออกของบ้านจะเป็นส่วนบริเวณที่ร้อนสุดเพราะรับแดดมากสุด หรือช่วงเวลาบ่ายทิศตะวันตกก็จะได้รับแดดที่สุด นอกจากนี้ความร้อนที่เกี่ยวข้องกับแสงแดดแล้วแสงนั้นยังเกี่ยวข้องกับความรู้สึกอารมณ์ของคนด้วย โดยสภาพบ้านที่มืดกับสว่างจะให้ความรู้สึกต่อคนนั้นต่างๆกัน เช่นเดียวกับภาพๆต่างๆที่ช่างภาพนั้นถ่ายรูป โดยช่างภาพทุกคนจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องแสงเป็นอย่างมากเพื่อให้ผลงานภาพที่ได้มาได้ความรู้สึกและอารมณ์ตรงตามความต้องการ

แสงสว่างนั้นจะให้ความรู้สึกที่สดชื่น กระปรี้กระเปร่า สดใส และยังให้ความร้อน หากว่าตามหลักการของหยินหยางของศาสตร์จีนนั้นความสว่างนั้นเป็นพลังหยาง ส่วนความมืดนั้นเป็นพลังหยิน ซึ่งหลักการของหยินหยางเบื้องต้นจะเป็นการเปรียบเทียบของสองสิ่งโดยสิ่งด้วย กันโดยสิ่งหนึ่งจะเป็นหยางและอีกสิ่งจะเป็นหยิน โดยสรรพสิ่งในโลกในโลกล้วนแล้วแต่มีสองสิ่งมาประกอบกัน เช่น ทางชีวะมีเพศผู้และเพศเมีย ทางเคมีบอกมีกรดและก็ต้องมีด่าง คณิตศาสตร์มีบวกก็ต้องมีลบ แม่เหล็กมีขั้วบวกและขั้วลบ การเคลื่อนไหวกับการหยุดนิ่ง มีดีก็มีเลว มีก้าวหน้าก็มีเสื่อมถอย ฯลฯ ซึ่งกับแสงนั้นความสว่างก็จะเป็นพลังหยางที่เหมือนความเคลื่อนไหวกระปรี้กระเปร่า ส่วนความมืดนั้นเหมือนพลังหยินที่เหมือนกับความหยุดนิ่ง ซึมเศร้า ลึกลับ เสื่อมถอย นั้นเอง

โดยบ้านไหนที่แสงสว่างไม่เพียงพอหรือบ้านที่มืดเรียกได้ว่ามีความเป็นหยิน สูงก็จะทำให้คนไม่ค่อยอยู่บ้าน สร้างความซึมเซา โดดเดี่ยวให้กับผู้อยู่อาศัย หากเป็นสถานที่ทำงานใดที่มืดก็อาจจะทำให้คนรู้สึกไม่อยากทำงาน ขี้เกียจ ซึมเซาได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานได้ ขณะที่สถานที่บางที่เป็นหยินมากๆเช่น มืด ทึบ ชื้น อับไม่มีการผ่านเรียกว่าหยินสุดๆนั้นอาจเป็นที่อยู่ของผีวิญญาณต่างๆได้ ซึ่งสถานที่ร้างๆต่างๆนั้นก็มีสภาพเป็นหยินสูงนั้นเอง ในทางตรงข้ามหากบ้านนั้นมีแสงสว่างเพียงพอก็จะทำให้บ้านนั้นน่าอยู่มากขึ้น ผู้อยู่อาศัยก็จะกระปรี้กระเปร้า รวมถึงทำให้คนอยากอยู่อาศัยในบ้านนั้นมากขึ้นด้วยและหากเป็นสถานที่ทำงาน นั้นแสงเป็นพลังหยางที่กระตุ้นต่อจิตใจคนให้ทำงานได้ดีโดยทำให้คนทำงานนั้น มีความรู้สึกกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า จึงส่งผลที่ดีต่อประสิทธิภาพการทำงานนั้นเอง

นอกจากนี้หากเปรียบเทียบกับร่างกายมนุษย์กับหลักการหยินหยางแล้วนั้นวัยเด็ก ของสิ่งมีชีวิตนั้นก็จะมีพลังงานหยางมากกว่าวัยชรา เพราะเด็กนั้นมีกำลังเคลื่อนไหว ยิ่งเป็นช่วงวัยรุ่นก็จะเป็นช่วงที่ร่างกายนั้นแข็งแรงที่สุดก็จะมีกำลังมาก สุด ขณะเดียวกันเมื่อเวลาที่คนชรานั้นร่างกายคนก็จะเหี่ยวย่น กำลังเสื่อมถอยลงไปก็เรียกว่าเป็นหยิน ซี่งเมื่อคนตายแล้วก็คือสภาพหยินสูงสุดนั้นเอง ดังนั้นสำหรับคนที่อายุมากหรือคนชราแล้วก็ควรจะได้รับพลังด้านหยางให้มากตาม อายุด้วยเนื่องจากเป็นพลังหยางที่ทำให้สดชื่นและกระปรี้กระเปร่าขึ้นไม่ให้ ห่อเหี่ยวตามอายุที่มากขึ้น ซึ่งการใช้แสงเพิ่มพลังหยางให้กับที่อยู่อาศัยนั้นจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับ บ้านที่มีผู้สูงอายุหรือคนชราให้สภาพร่างกายดีขึ้นนั้นเอง

แสงนั้นมีอิทธิพลกับมนุษย์ทั้งในเรื่องความร้อนและความรู้สึกของคนนั้นเป็น อย่างมาก ดังนั้นการสร้างและออกแบบอาคารหรือบ้านนั้นให้มีแสงสว่างเพียงพอจึงเป็น ปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยแสงสว่างที่เราได้รับมากที่สุดในโลกก็คือแสงแดดหรือแสงสว่างจากดวง อาทิตย์นั้นเอง ดังนั้นจะออกแบบและสร้างบ้านหรืออาคารให้สอดคล้องกับแสงนั้นจึงควรมาทำความ เข้าใจเกี่ยวกับทิศทางของแสงแดดนั้นก่อน

หลายคนคิดว่าพระอาทิตย์นั้นขึ้นทางทิศตะวันออกตรงๆและตกที่ทิศตะวันตกตรงๆ และยังคิดว่าพระอาทิตย์นั้นขึ้นเป็นแนวเส้นตรงจากทิศตะวันออกไปยังติดตะวัน ตกเสมอ แท้จริงแล้วพระอาทิตย์ไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรงอย่างนั้นเสมอและจะมีไม่กี่ วันในรอบปีที่ดวงอาทิตย์นั้นขึ้นละตกลงในทิศตะวันออกและตะวันตกพอดี ส่วนใหญ่ดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกเบี่ยงออกไปทางทิศเหนือและทิศใต้ด้วย สาเหตุที่พระอาทิตย์นั้นไม่ได้ขึ้นและลงตรงทิศตะวันออกและทิศตะวันตกพอดี นั้นเนื่องจากว่าโลกนั้นโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยที่แกนโลกนั้นปกติจะเอียง 23.5 องศากับระนาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์

แสงแดดกับฮวงจุ้ยของบ้าน สัมพันธ์กันอย่างไร ?
ภาพแสดงการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์โดยแกนโลกนั้นเอียง 23.5 องศาทำให้พระอาทิตย์ไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรงจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก จึงทำให้แสงนั้นไม่ได้มาจากทางทิศตะวันออกและตะวันตกอย่างเดียว

ขณะที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์และแกนโลกทางเหนือจะเข้าหาดวงอาทิตย์ ประเทศส่วนใหญ่ที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรจะได้รับแสงหรือความร้อนจากดวง อาทิตย์โดยตรงจึงทำให้เป็นช่วงฤดูร้อนและทำให้เวลากลางวันนั้นยาวกว่าเวลา กลางคืนโดยช่วงนี้พระอาทิตย์จะขึ้นและลงเบี่ยงไปทางทิศเหนือ โดยหากเรามองดูดวงอาทิตย์นั้นจะเดินทางจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก โดยจะอ้อมไปทางทิศเหนือ

ส่วนเมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์และแกนโลกทางเหนือหันออกห่างดวงอาทิตย์หรือ แกนโลกทางใต้หันเข้าหาดวงอาทิตย์นั้นประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรนั้นจะ ได้รับความแสงและความจากดวงอาทิตย์น้อยกว่าจึงทำให้เป็นฤดูหนาวและยังทำให้ ระยะเวลาของกลางวันสั้นลงและกลางคืนนั้นยาวขึ้น พระอาทิตย์จะขึ้นและลงเบี่ยงไปทางทิศใต้ โดยหากเรามองดูดวงอาทิตย์นั้นจะเดินทางจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก โดยจะอ้อมไปทางทิศใต้

แต่หากพิจารณาเฉพาะประเทศไทยนั้นช่วงที่โลกโคจรเคลื่อนเอาขั้วโลกเหนือเอียง ออกห่างพระอาทิตย์ (ช่วงปลายฤดูฝน ฤดูหนาว และช่วงต้นฤดูร้อนนั้น) จะทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นลงหรือเคลื่อนที่บนเบี่ยงไปทางทิศใต้เหมือนกับประเทศ ที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรทั่วไป แต่ ขณะที่ช่วงที่โลกโคจรเคลื่อนเอาขั้วโลกเหนือเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์นั้น (ช่วงฤดูร้อนไปจึงถึงช่วงต้นฤดูฝน) จะทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นลงหรือเคลื่อนที่บนฟ้าอยู่บริเวณตรงกลางจากทิศตะวัน ออกไปตะวันตกพอดี และทำให้เกิดแสงแดดอยู่ตรงหัวเราค่อนข้างพอดีอีกด้วย ซึ่งต่างจากประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรทั่วไปที่พระอาทิตย์เคลื่อนที่ เบี่ยงไปทางเหนือ โดยสาเหตุที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่จากทิศตะวันออกไปตะวันตกพอดีนั้นเนื่องจาก ประเทศไทยนั้นมีตำแหน่งอยู่เหนือเส้นศูนย์ขึ้นไปไม่มากพอ แต่หากเป็นประเทศที่อยู่เหนือประเทศไทยขึ้นไปหรือเหนือเส้นศูนย์สูตรมากพอ ระดับหนึ่งแล้วพระอาทิตย์ก็จะเคลื่อนที่เบี่ยงไปทางทิศเหนือนั้นเอง

สาเหตุจากการที่โลกนั้นโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยที่แกนโลกนั้นปกติจะเอียง 23.5 องศากับระนาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำคนในประเทศไทยนั้นเห็นดวงอาทิตย์บนฟ้าตรงหัวช่วงฤดูร้อนไปจนต้นฤดูฝนและ เคลื่อนที่เบี่ยงไปทางทิศใต้ช่วงปลายฤดูฝน ฤดูหนาว และช่วงต้นฤดูร้อน จึงทำให้แสงแดดมาที่มาจากทิศเหนือนั้นน้อยกว่าทางทิศใต้นั้นเอง

ดังนั้นการที่สร้างบ้านให้หน้าบ้านไปทางทิศใต้ก็จะมีโอกาสรับแสงแดดตลอดวันหากเทียบกับทิศอื่น โดยเฉพาะหากเทียบกับทิศเหนือที่แถบไม่ได้รับแสงแดดเลย ส่วนการสร้างบ้านหันไปทางทิศตะวันออกกับตะวันตกก็จะรับแดดประมาณครึ่งหนึ่งของเวลากลางวัน ส่วนกรณีห้องนั่งเล่นที่มักอยู่ทิศหน้าบ้านซึ่งหากหันไปตามทิศทางแต่ละทิศก็ จะได้รับแสงแดดไม่เท่ากัน ความหมายคือได้รับความร้อนและความรู้สึกที่จากแสงต่างๆนั้นเอง ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงหลักสถาปัตยกรรมในการรับแสงแต่ละทิศเพื่อให้ลดความ ร้อนจากแสงแดดที่นำมาสู่บ้านและอาคารควบคู่กับการใช้แสงสว่างให้เพียงพอให้ มีผลต่อความรู้สึกของคน

 

โดย อ.เกริกวิชญ์ กฤษฎาพงษ์

ที่มา : Baan Natura

ลงประกาศขาย-เช่าฟรี คำนวณการขอสินเชื่อ

คุ้มค่าน่าอ่าน

ประกาศซื้อ-ขายมาใหม่

SHARE

Share Tweet Share
BanKumKa.Com เป็นเว็บไซต์ศูนย์กลางสำหรับซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ด้วยข้อมูลที่พร้อมทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ และที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นโครงการใหม่หรือบ้านมือสอง อีกทั้งบทความและข่าวสารที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้คุณได้คัดสรรทรัพย์ที่ดีที่สุดได้ในเว็บไซต์ BanKumKa.com ที่เดียว
เว็บไซต์ BanKumKa.Com มีการเก็บ Cookies ซึ่งเป็นการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้า นโยบายความเป็นส่วนตัว ยอมรับ