นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่าบริษัทรับข่าวดีจากการที่รัฐบาลลาวและคณะกรรมาธิการลุ่มแม่น้ำโขง ขอให้โครงการไซยะบุรีลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม เพื่อเป็นโครงการตัวอย่างที่เป็นเลิศบนแม่น้ำโขง (Excellent Project) จึงมีงานก่อสร้างเพิ่ม เช่น สะพานปลา ทางเรือผ่าน โครงสร้างรับแผ่นดินไหว การระบายตะกอน โดยรัฐบาลลาวจะปรับสัญญาสัมปทานและให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่บริษัทไซยะ บุรีในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาษี ค่าธรรมเนียม ระยะเวลาสัมปทาน เพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้โครงการนี้มีผลตอบแทนการลงทุนตามเป้าหมาย โดยทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการจัดทำข้อสรุปงานก่อสร้างเพิ่มเติมนี้ บริษัทไซยะบุรีพาวเวอร์ ได้มอบให้ CK ดำเนินการต่อเนื่องกับสัญญาหลัก เพราะมั่นใจในศักยภาพของ CK ที่จะสามารถเร่งรัดงานทั้งหมดให้แล้วเสร็จเพื่อให้โครงการไซยะบุรีเริ่มขายไฟฟ้าได้ในปี 2562 ตามกำหนดการเดิม
นายปลิวกล่าวเสริมว่า การปรับปรุงงานด้านสิ่งแวดล้อมนี้ถือเป็นการยกระดับโครงการไซยะบุรี ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่ามีมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมที่เป็นเลิศ ขณะเดียวกันก็เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยที่จะได้ซื้อไฟฟ้าในราคาถูกยาวนาน ส่วนบริษัทไซยะบุรีพาวเวอร์ ซึ่งเป็นผู้ลงทุน และผู้ถือหุ้นโครงการไซยะบุรีก็ได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่ดีพร้อมผลประโยชน์ เพิ่มเติมชดเชยการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ในส่วน CK ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก็ได้งานก่อสร้างเพิ่มด้วย ถือเป็น win-win deal กับทุกๆฝ่าย
นายปลิวเปิดเผยต่อว่า ปี2559 จะเป็นปีทองของ CK จากการที่มี Backlog ในมือกว่า 9 หมื่นล้าน ทำให้การันตีรายได้ก่อสร้างขั้นต่ำระดับ 30,000 ล้านบาท ต่อปีอีก 3 ปีอย่างแน่นอน ไม่รวมงานใหม่ที่กำลังมา เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีชมพู รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ โดยมีกำไรขั้นต้นประมาณ 8-10% และผลจากการปรับโครงสร้างบริษัทลูกที่ลงทุนไว้ CK จะบันทึกกำไรจากบริษัทลูก เช่น BEM TTW CKP ตามสัดส่วนที่ลงทุนไว้ในทุกบริษัท ซึ่งทุกบริษัทล้วนมีผลประกอบการและกำไรดี โดย CK ถือหุ้น BEM ประมาณ 30% TTW ประมาณ20% และ CKP ประมาณ 30% ทั้งนี้ยังไม่รวมบริษัทลูกอื่นๆอีก