บ้านจะสวยงามและกลมกลืนกับ สภาพแวดล้อมได้ ต้องมีองค์ประกอบต่างๆที่เหมาะสม เช่น รูปทรง วัสดุและสี โดยเฉพาะสีนั้นนับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญไม่แพ้องค์ประกอบอื่นๆ จึงจะเห็นได้ว่าสีของบ้านจะเปลี่ยนไปตามลักษณะภูมิประเทศ เช่น บ้านในเมืองหนาวที่มีต้นไม้ปกคลุมเป็นจำนวนมากจะใช้โทนสีขาว เขียว น้ำตาล เพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติรอบข้าง ส่วนบ้านชายทะเลมักจะใช้โทนสีฟ้า เพื่อให้กลมกลืนกับสีของฟ้าและทะเล เป็นต้น
การทาสีอาจจะเป็นเรื่องยาก สำหรับความคิดของคนบางคน จึงยกเรื่องของสีให้เป็นหน้าที่ของช่างสีแล้วรอดูผลเมื่องานเสร็จ เมื่อมีการต่อเติมพื้นที่ใช้สอยของบ้าน หรือทาสีใหม่ก็ยังคงยกเป็นหน้าที่ของช่างสีอย่างเดิม ทั้งๆที่งานสีบางอย่างเป็นงานที่สมาชิกในครอบครัวสามารถทำด้วยตนเองได้ เพียงแต่เรียนรู้เรื่องเทคนิคการทาสีบ้างเท่านั้นเอง
ก่อนที่จะเรียนรู้เทคนิคการทาสีก็ควรจะทำความรู้จักประเภทของสีเสียก่อน สีแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆตามลักษณะพื้นผิวของวัสดุที่จะทาคือ
- สีน้ำอะครีลิคหรือสีน้ำพลาสติก เป็นสีที่ใช้ทาผนังคอนกรีต ฝ้าเพดาน ใช้ได้ทั้งทาภายนอกและทาภายใน โดยสีที่ใช้ทาภายนอกเป็นสีที่ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ดี
- สีน้ำมัน เป็นสีที่ใช้สำหรับทาเหล็กและไม้ สีย้อมไม้เป็นสีสำหรับทำเนื้อไม้ให้เป็นสีที่เราต้องการ ใช้กับงานเฟอร์นิเจอร์
- แลคเกอร์หรือแชลแล็ค เป็นสีเคลือบไม้ เพื่อรักษาเนื้อไม้และทำให้เห็นลายสวยงามตามธรรมชาติของไม้
วัสดุที่เป็นเหล็กจะทาสีกันสนิมเป็นสีรองพื้นก่อนทาสีจริง สำหรับผิวปูนทั้งเก่าและใหม่จะมีสีรองพื้นทากับผิวปูน เพื่อลดความเป็นกรด ด่างของผิวและช่วยให้สีที่ทาทับหน้ายึดเกาะผิวได้ดีขึ้น
เทคนิคการทาสีให้เรียบและสวยงามมีขั้นตอนสำคัญๆ คือ
- เมื่อจะเริ่มทาสีต้องคนสีให้เข้ากันเสียก่อน เพราะสีที่ถูกทิ้งไว้นานๆจะนอนก้น
- เทสีจากกระป๋องลงในภาชนะผสมสีที่เตรียมไว้แล้ว ใช้น้ำมันสนผสมเล็กน้อยเพื่อให้มีความหนืดพอดี กวนสีและน้ำมันสนให้เข้ากัน
- ใช้แปรงทาสีจุ่มลงไปแค่ปลายๆแปรง แล้วเริ่มทาจากขอบชิ้นงานด้านใดด้านหนึ่ง โดยเมื่อทาแนวแรกแล้วให้ทาแนวที่สองให้เกยทับแนวแรกเล็กน้อยตลอดชิ้นงาน
ที่มา : decorreport.com