อันดับที่ 10 : มหาวิทยาลัยเยล (Yale University)
ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับที่ 3 ของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเมืองนิวเฮเวน รัฐคอนเนคติคัท ในแต่ละปีจะมีการเปิดรับนักศึกษาเข้าเรียนน้อยมาก อัตราส่วนนักเรียน 5 คน ต่ออาจารย์ 1 คน เท่านั้น ในเรื่องของงบประมาณและทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเยลมีงบประมาณการช่วยเหลือทางการเงินประมาณ 119 ล้านเหรียญสหรัฐในแต่ละปี ทำให้มีนักศึกษาจำนวน 64% ที่ได้รับทุนการศึกษา และยังมีบางส่วนที่เป็นทุนสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติโดยเฉพาะอีกด้วย
ปริญญาตรี: 1,433,600 บาท
ปริญญาโท: 1,433,600 บาท
อันดับที่ 9 : มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University)
ประเทศสหรัฐอเมริกา
อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยแถวหน้าของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ติดอยู่ในอันดับ 9 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2014/15 มีชื่อเสียงมากในด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ แม้ว่ามหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน จะไม่มีทุนการศึกษาใดๆ ให้กับนักศึกษา แต่ก็ยังมีในส่วนของเงินทุนกู้ยืม เพื่อช่วยนักศึกษาที่มีปัญหาทางเรื่องการเงิน และจัดหางานพิเศษให้ในบางกรณี อีกด้วย
ปริญญาตรี: 1,338,240 บาท
ปริญญาโท: 1,399,040 บาท
อันดับที่ 8 : สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (California Institute of Technology)
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เรียกย่อๆว่า "แคลเทค (CalTech)" มหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในด้านงานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมอากาศยาน และวิศวกรรมเครื่องกล จนเรียกได้ว่าเป็นสถาบันวิศวกรรมศาสตร์ระดับโลก ใครที่ใฝ่ฝันจะเข้าศึกษาต่อที่สถาบันแห่งนี้ นอกจากจะต้องเตรียมตัวเรื่องค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงแล้ว ยังต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพราะสถาบันแห่งนี้จะคัดเฉพาะนักศึกษาระดับหัวกะทิระดับชาติเท่านั้น
ปริญญาตรี: 1,337,280 บาท + ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม 50,272 บาท
ปริญญาโท: 1,337,280 บาท + ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม 46,080 บาท
อันดับที่ 7 : มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University)
ประเทศสหรัฐอเมริกา
อัตราค่าเล่าเรียนก็จะอยู่ในเรตที่ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกาทั่วไป แม้จะมีค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างสูง แต่ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีการระดมทุนจากภายนอกในแต่ละ ปีเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในมหาวิทยาลัย ใช้ปรับปรุงการสอน และสวัสดิการของนักศึกษารวมไปถึงทุนการศึกษาต่างๆ อีกมากมาย จนเรียกได้ว่ามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศที่สามารถระดมทุนได้มากที่สุดในแต่ละปี พอๆ กับมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดเลยทีเดียว
ปริญญาตรี: ค่าเทอมปกติ 1,413,888 บาท / ซัมเมอร์ 253,984 บาท
ปริญญาโท: สาขาวิศวกรรมศาสตร์ 1,506,336 บาท / สาขาวิชาอื่น 1,413,888 บาท / ซัมเมอร์ 296,000 บาท
อันดับ 6 : มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน (University College London)
ประเทศอังกฤษ
การ จัดอันดับของ QS World University Ranking ปีนี้ UCL ครองอันดับทื่ 5 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกร่วมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด จากสหราชอาณาจักร ได้รับการรันตีจากสถาบันการจัดอันดับต่างๆ มากมายว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพดีเยี่ยม เรตอัตราค่าเล่าเรียนจะเท่ากับมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ ของสหราชอาณาจักร สำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติที่ต้องการไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่ UCL ปัจจุบันมีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติทั่วโลกมากมาย
ปริญญาตรี: สายวิทย์ 1,066,688 บาท / สายสังคม 802,816 บาท
ปริญญาโท: สายวิทย์ 1,151,392 บาท / สายสังคม 884,544 บาท
อันดับ 5 : มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด (University of Oxford)
ประเทศอังกฤษ
มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษที่นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการ ศึกษาติดอยู่ในอันดับต้นๆของโลกแล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศอังกฤษ มีอายุกว่า 800 ปี สำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติจะมีอัตราค่าเทอมเฉลี่ยที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาวิชาฮอตๆอย่าง คอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมศาสตร์
ปริญญาตรี: วิชาสายวิทย์ 1,118,880 บาท / วิชาสายสังคม 760,544 บาท
ปริญญาโท: 932,544 บาท (อาจแตกต่างกันในแต่ละสาขาวิชา)
อันดับ 4 : มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University)
ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เก่าแก่ที่สุดปัจจุบันมีอายุกว่า 379 ปี และยังมหาวิทยาลัยในฝันของเหล่าบรรดานักเรียนนักศึกษาจากทั่วโลก แต่กลับมีอัตราการรับนักศึกษาน้อยมาก แม้จะมีอัตราค่าเทอมและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก็ได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาเป็นจำนวนมาก เพราะทางมหาวิทยาลัยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล และเงินบริจาค ต่อปีค่อนข้างสูง จนเรียกได้ว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคนบริจาคเงิน สนับสนุนมากที่สุดในโลกก็ว่าได้
ปริญญาตรี: 1,318,140 บาท
ปริญญาโท: 1,400,768 บาท สำหรับปีแรก และปีที่สอง 336,56 บาท
อันดับ 3 : วิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอน (Imperial College London)
ประเทศอังกฤษ
วิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอน อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยจากสหราชอาณาจักร มีความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ค่าเทอมเฉลี่ยนสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติจะค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในส่วนของทุนการศึกษาทางวิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอนได้มีการระดมทุนให้กับ นักศึกษามากมายหลายทุนด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุนด้านการวิจัยทางวิทยาลัยจะสนับสนุนให้เป็นพิเศษ
ปริญญาตรี: 1,351,808 บาท
ปริญญาโท: 1,406,080 บาท (อาจแตกต่างกันในแต่ละสาขาวิชา)
อันดับ 2 : มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge)
ประเทศอังกฤษ
เป็นที่ทราบกันดีว่าทั้งค่าเรียนและค่าครองชีพในสหราชอาณาจักรมีอัตราที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะนักศึกษาชาวต่างชาติอัตราค่าเทอมจะค่อนข้างสูงกว่านักศึกษาในประเทศและจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปค่อนข้างมาก แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ยังมีทุนการศึกษาทั้งจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร และองค์กรระหว่างประเทศก็ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษามากมายหลายทุนด้วยกัน นอกจากค่าเทอมที่ค่อนข้างสูงแล้วเกณฑ์ในการคัดเลือกนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ถือว่าค่อนข้างโหดอยู่พอสมควร
ปริญญาตรี: สายวิทย์ 1,219,456 / สายสังคม 794,048 บาท
ปริญญาโท: สายวิทย์ 1,423,328 / สายสังคม 1,030,048 บาท
อันดับ 1 : สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology)
ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดดเด่นมากในเรื่องเรื่องของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แม้จะมีค่าเทอมและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงแต่ก็น่าจะเหมาะสมกับการเป็น มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก สถาบัน MITแห่งนี้ได้รับเงินเพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาสูงถึง 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี นักศึกษากว่า 90% ของ MIT จะได้รับทุนการศึกษาเป็นส่วนใหญ่เนื่องจาก MIT ต้องการส่งเสริมผู้มีความสามารถให้ได้เรียนต่อ ทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณาให้ทุนการศึกษาแก่คนที่สมัครเข้าไปเรียนเกือบทั้งหมด
ปริญญาตรี: 1,440,512 บาท
ปริญญาโท: 1,296,300 บาท
ที่มา : trueLife