15 สถานที่ท่องเที่ยวสุดแปลกและน่าตะลึงทั่วทุกมุมโลก

7,019 Views เผยแพร่ 17 มี.ค. 58
15 สถานที่ท่องเที่ยวสุดแปลกและน่าตะลึงทั่วทุกมุมโลก

โลกใบนี้ยังมีเรื่องน่าแปลกให้ผู้พบเห็นได้ตะลึงกับสิ่งที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้นได้เสมอ บางที่อาจเป็นสถานที่ในฝันสำหรับใครหลายๆคนที่รู้จักมันแล้ว ในวันนี้ทีมงานบ้านคุ้มค่าได้รวบรวม 15 สถานที่สุดแปลกและลึกลับทั่วโลกที่คุณเห็นแล้วต้องตะลึง ในความแปลก แต่สวยงาม เต็มไปด้วยคำถาม และอยากไปเห็นด้วยสายตาของตัวเองแน่นอน ไปดูกันว่ามีที่ไหนบ้างในโลกนี้ที่สักครั้งในชีวิตควรจะเดินทางไปสัมผัสด้วยตาของตัวเอง
 

15. Vale da Lua (หุบเขาโลกพระจันทร์ ประเทศบราซิล)

หุบเขาโลก พระจันทร์ เป็นที่ราบสูงโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1.8 พันล้านปี อยู่ห่างจากเมือง Alto Paraíso de Goiás ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบราซิลไปประมาณ 38 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Chapada dos Veadeiros โดยพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหินรูปร่างประหลาดแปลกตามากมาย ทำให้ดูเหมือนผิวพื้นดวงจันทร์ เป็นหินที่มีความเก่าแก่ที่สุด ที่สามารถพบได้ที่ประเทศบราซิลเพียงแห่งเดียวในโลก ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากการกัดเซาะของแม่น้ำ San Miguel ที่แทรกตัวอยู่ภายในหุบเขา องค์การยูเนสโกจึงประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2001

 

14. Galapagos Islands (หมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์)

หมู่เกาะที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก มีความอุดมสมบูรณ์มาก และยังมีสัตว์ท้องถิ่นแปลกๆ ที่หาเจอไม่ได้ง่ายๆ ในบ้านเรา สัตว์หลายๆ ชนิดมีเฉพาะที่เกาะนี้เท่านั้น ซึ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างพากันมาเยี่ยมเยียนกาลาปากอสกัน อย่างไม่ขาดสาย และยิ่งนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้ระบบนิเวศของที่นี่เปลี่ยนไป และถูกทำลายลงเรื่อยๆ ซึ่งเกาะนี้ก็ยังอยู่ในสถานการณ์เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

 

13. Mount Sanqingshan (ซานชิงซาน หุบเขาสวรรค์ ประเทศจีน)

ภูเขา Sanqingshan เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเต๋าและมักจะถูกเรียกว่า "สวนของพระเจ้า" พื้นที่ประกอบด้วยความหลากหลายที่น่าสนใจและมีรูปทรงที่ดูผิดปรกติของบรรดา เสาหินแกรนิต ป่า และก้อนหิน มันจะเปลี่ยนรูปแบบตามสภาพอากาศ ประมาณ 200 วันในแต่ละปีมันจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ทำให้มันดูเหมือนเป็นลักษณะที่น่าฉงน ผู้ที่เข้ามาชมจะพบกับความรู้สึกที่ลึกลับ และความสงบในขณะที่กำลังย่างกรายเข้าสู่บริเวณแห่งนี้

 

12. Aokighara (ป่าแห่งความตาย ประเทศญี่ปุ่น)

ป่านี้ถูกค้นพบที่ฐานของภูเขาฟูจิ น่าจะเป็นป่ามีชื่อเสียงมากที่สุดในทั้งหมดของประเทศญี่ปุ่น มีพื้นที่ประมาณ 3,500 เฮกตาร์ ป่ากว้างทึบและมีต้นไม้ตะปุ่มตะป่ำและบิดเบี้ยวดูน่าขนลุก จนถูกกล่าวขวัญกันว่ามันมีผีสิง และมีตำนานของผีปีศาจและวิญญาณที่ยังปกปักอยู่โดยรอบพื้นที่ ที่น่าเศร้าก็คือ ป่าแห่งนี้มีผู้คนนิยมมาฆ่าตัวตายติดอันดับมากที่สุดในโลกเป็นอันดับสอง มีผู้คนมากกว่า 500 คนที่มีความมุ่งมั่นเดินทางมาฆ่าตัวตายที่นั่นตั้งแต่ปี 1950

 

11. Dead Sea (ทะเลสาบเดดซี ประเทศจอร์แดนและอิสราเอล)

เดดซี นิยามของ "ทะเลสาบที่ไม่มีวันจม" ถึงแม้คุณจะว่ายน้ำไม่เป็น ยังไงก็ไม่จมน้ำ เพราะว่ามีความเค็มและความหนาแน่นมากกว่าน้ำทะเลโดยทั่วไปถึง 10 เท่า ทำให้ใครๆก็สามารถลอยบนผิวน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ได้ แต่ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป จำนวนน้ำฝนลดปริมาณลงไปมาก ทำให้น้ำในทะเลสาบลดลงไป จนในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ทะเลสาบแห่งนี้มีความกว้างลดลงไปจากเดิมถึง 1 ใน 3 และระดับน้ำลดจากเดิม 2.40 เมตร อีกไม่นานอาจจะเหลือแค่พื้นที่โล่งกว้างก็เป็นได้

 

10. Mount Kilimanjaro (ยอดเขาคิลิมันจาโร ประเทศแทนซาเนียและเคนยา)

ยอด เขาคิลิมันจาโร หลังคาของแอฟริกา เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริกา และเป็นภูเขาไฟยอดเดี่ยวที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว และกายเป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่บนยอด  ซึ่งแตกต่างจากบริเวณด้านล่างที่เป็นบรรยากาศแบบเขตร้อน และจากภาวะโลกร้อนทำให้ตอนนี้เหลือหิมะบนยอดเขาเพียง 20% และอาจละลายหมดไปในไม่ช้า

 

9. Travertine Pools of Pamukkale (สระว่ายน้ำปุยฝ้าย ประเทศตรุกี)

สระ ว่ายน้ำ Travertine ของ Pamukkale เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่จะได้เห็นพวกมันเป็นพื้นที่สีขาวตลอดทั้งปี ซึ่งแร่ travertine ได้สร้างขึ้นในพื้นที่ของน้ำพุร้อนนี้ทำให้เกิดชุดคล้ายๆระเบียงสีขาว สระว่ายน้ำธรรมชาติแห่งนี้มีสีขาวและเต็มไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใส และในสระว่ายน้ำจะมีระเบียงดูแปลกประหลาดเกิดขึ้นอยู่ทั่วไป สระน้ำธรรมชาติแห่งนี้เกิดขึ้นและเป็นสถานที่ที่มีผู้คนเข้ามาชื่นชมเป็น เวลาอย่างน้อยมากว่า 2,000 มาแล้ว

 

8. Perito Moreno Glacier (ภูเขาธารน้ำแข็ง ประเทศอาร์เจนตินา)

ธารน้ำแข็งที่มีขนาดความกว้าง 5 กิโลเมตร และความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 74 เมตร (240 ฟุต) จากระดับผิวน้ำ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลอส กลาซิอาเรส ถูกประกาศให้เป็นเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1981 เป็นธารน้ำแข็งที่มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หลายพันปีก่อนพื้นที่อุทยานแห่งนี้ ถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็งทั้งหมด แต่ด้วยอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น จึงทำให้ก้อนน้ำแข็งละลายและเหลืออยู่ให้เห็นในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวที่มาเยือน Perito Moreno Glacier ต่างใจจดจ่อรอชมและฟังเสียงก้อนน้ำแข็งยักษ์หล่นลงสู่ทะเลสาบ Argentino

 

7. Caño Cristales (แม่น้ำ 5 สี ประเทศโคลัมเบีย)

Caño Cristales เป็นแม่น้ำที่ตั้งอยู่ใน Serrenia de la ภูมิภาค Macerana โคลอมเบีย มันไม่ใช่เพียงแค่แม่น้ำธรรมดาทั่วไป แต่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก" ระหว่างเดือนกันยายนและพฤศจิกายน - ในช่วงระยะเวลาระหว่างฤดูฝนและฤดูแล้ง น้ำในแม่น้ำมันจะเปลี่ยนสี เป็นสีแดง สีชมพู สีฟ้า สีเขียว และสีเหลือง แท้จริงแล้วแม่น้ำมันไม่ได้เปลี่ยนสีเอง แต่มันมาจากพืชหลายชนิดที่เจริญเติบโตอยู่ใต้แม่น้ำนั่นเอง

 

6. Richat Structure (ดวงตาแห่งซาฮาร่า ประเทศมัวริทาเนีย)

ริแชท เป็นที่รู้จักกันว่ามันคือ "ตาของทะเลทรายซาฮารา" มันเป็นความแตกต่างที่โดดเด่นและคุณลักษณะทางภูมิศาสตร์วงกลมในทะเลทรายซาฮา รา ที่มีประมาณ 30 ไมล์ กว้างจนคุณอาจจะไม่สังเกตเห็นถ้าคุณอยู่ภายในนั้น แต่จากมุมมองทางอากาศ และแม้แต่จากพื้นที่ มันจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน หลายคนคิดว่ามันน่าจะเกิดมาจากผลกระทบของโลกและดาวเคราะห์น้อย และต่อมาผู้คนคิดว่ามันจะได้รับการสร้างขึ้นโดยการระเบิดของภูเขาไฟ แต่หลักของความคิดในวันนี้บอกว่ามันเคยเป็นหินกลมที่ได้รับการค่อยๆกัดเซาะ ความลึกลับของมันยังทำให้หลายคนยังคงฉงน ว่ามันสามารถล้อมรอบพื้นที่แบบนั้นแล้วมีโครงสร้างเป็นเกือบเป็นวงกลมที่ สมบูรณ์แบบได้อย่างไร และทำไม ถึงมีวงแหวนที่มีระยะห่างเท่าๆกันได้อย่างไร?

 

5. Þingvallavatn Lake (ทะเลสาบซิงเควลลาวัทน์ ประเทศไอซ์แลนด์)

ว่าย น้ำข้าม 2 ทวีปได้ในพริบตาที่ทะเลสาบซิงเควลลาวัทน์ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติอุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ ซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป นักดำน้ำโชคดีจะสามารถว่ายน้ำในระหว่างแผ่นเปลือกโลกของทั้งสองทวีปได้ และที่สำคัญแผ่นเปลือกโลกตรงนี้จะกว้างขึ้นปีละ 2 เซนติเมตร ไฮไลท์ของทะเลสาบแห่งนี้อยู่ที่ รอยแยกซิลฟรา ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ เดอะ ซิลฟรา ฮอลล์ (the Silfra Hall) , เดอะ ซิลฟรา แคทเธอดรัล (the Silfra Cathedral) และ เดอะ ซิลฟรา ลากูน (the Silfra Lagoon) ความโดดเด่นของรอยแยกก็คือความใสและเย็นของน้ำ ซึ่งแม้ว่าดำลงไปในระดับลึกก็ยังสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้น้ำได้อย่าง ชัดเจน นั่นจึงทำให้รอยแยกซิลฟรากลายเป็นจุดดำน้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่ง หนึ่งของโลก

 

4. Fly Geyser (น้ำพุร้อนไกเซอร์ น้ำพุร้อนลอยฟ้า ประเทศสหรัฐอเมริกา)

Fly Geyser ตั้งอยู่ในทะเลทรายเนวาดา มันเป็นกองหินที่มีสีสันตามธรรมชาติ ตรงยอดทั้งสามมันยังพ่นน้ำตรงขึ้นไปในอากาศได้ มันถูกสร้างขึ้นในปี 1916 โดยบังเอิญในระหว่างประจำการเข้าขุดเจาะ มันทำงานได้ตามปกติจนกระทั่งทศวรรษที่ 1960 เมื่อน้ำร้อนใต้พิภพเริ่มกระฉูดออกมา แร่ธาตุที่ละลายในน้ำเริ่มสะสมและค่อยๆไหลขึ้นไปบนเนินดินขนาดใหญ่ จนเกิดสีสันที่เราเห็นในวันนี้ มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เป็นความลับมากที่สุดบนโลกที่มันตั้งอยู่บน ทรัพย์สินส่วนตัวของเอกชน และนักท่องเที่ยวต้องได้รับอนุญาตให้เข้าชมได้เพียงอย่างเดียว

 

3. Mount Roraima (ภูเขาโรไรมา มหัศจรรย์ภูเขายอดเเบนรูปโต๊ะ ประเทศบราซิล)

ภูเขา Roraima เป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรามองไปที่ภูเขาจะเป็นทรงแหลม หรือ กลมนูนบนจุดสูงสุดของภูเขาทั่วโลก แต่ที่นี่กลับเป็นที่ราบขนาดใหญ่ มีแม่น้ำที่ไหลลงไปคล้ายๆดินแดนลึกลับในนิยาย หลายคนคิดว่ามันน่าจะเป็นภูเขาในกลุ่มของโลกธรณีวิทยาที่เก่าแก่ที่สุดและ ที่ราบสูงที่ถูกสร้างขึ้นส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่เกิดจากลมและฝน ที่ราบสูงถูกปกคลุมมักจะมีเมฆซึ่งกลับไม่พบว่ามันมีอยู่ใกล้ด้านบนของภูเขา ด้านบนนั้นเราจะพบกับสายพันธุ์ของพืชและสัตว์ในกลุ่มสายพันธุ์ที่ไม่สามารถ พบว่าไม่มีที่ไหนเลยอื่นในโลก และยังไม่มีคำอธิบายว่าทำไมมันถึงได้แพร่พันธุ์เป็นจำนวนมากผิดปกติอยู่ด้าน บนนั้น

 

2. The Wave (ภูเขาหินทราย เดอะเวฟ ประเทศสหรัฐอเมริกา)

สำหรับภูเขาหินทรายแปลกประหลาด อยู่ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา คือภูเขาหินทรายที่ฟอร์มตัวในลักษณะคล้ายคลื่นลาดชัน และคดเคี้ยว มีลายเส้นขีดคดเคี้ยวยาวล้อมรอบภูเขา ราวกับว่าเป็นฝีมือของจิตรกรชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกมาช่วยกันปั้นแต่งเอาไว้ จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์แล้ว เดอะเวฟ ได้ถือกำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติเมื่อประมาณ 190 ล้านปีก่อน หรือในช่วงของยุคจูราสสิก (ยุคไดโนเสาร์) และสาเหตุของการเกิดภูเขาหินทรายที่มีลักษณะแปลกๆแบบนี้ เกิดจากการกัดกร่อนของลมและฝนตามธรรมชาติมายาวนานนับร้อยล้านปี จนกลายมาเป็นภูเขาหินทรายที่มีรูปร่างแปลกตา พื้นที่แถบนี้มีความเปราะบางมาก การเดินชมความงามของ เดอะเวพ ต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ดังนั้นทางการจึงจำกัดให้เข้าชมได้เพียงวันละไม่เกิน 20 คน และต้องเดินเท้าเข้าไปเกือบ 5 ก.ม. จึงจะถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้

 

1. McMurdo Dry Valleys (ดินแดนแห่งดาวอังคารบนโลกมนุษย์ แอนตาร์กติกา)

แมคเมอร์โด ไดร์ วัลเลย์ สถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นสถานที่ที่เป็นความลับมากที่สุดในโลก บริเวณนี้เป็นที่รู้จักน้อย เป็นหนึ่งในทะเลทรายที่มีพื้นที่ที่มากที่สุดและบางทีอาจจะเป็นสถานที่ที่วิเศษสุดในโลก ที่แห่งนี้ได้รับบริมาณน้ำฝนเพียงแค่ 4 นิ้วของฝนในแต่ละปี น่าแปลกที่มันตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่ที่เป็นน้ำแข็งและหิมะของทวีปแอนตาร์กติกา กลับเป็นพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำมาก เป็นพื้นที่ที่ไม่มีน้ำแข็งหรือหิมะปกคลุมบนพื้นดิน ภูมิทัศน์ที่เยือกเย็นและโล่งอย่างสมบูรณ์ นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวว่า แมคเมอร์โด ไดร์ วัลเลย์ น่าจะเป็นพื้นที่บนโลกที่มีลักษณะส่วนใหญ่คล้ายกับสภาพแวดล้อมบนดาวอังคารมากที่สุด

นอกจากนี้ ณ ดินแดนแห่งนี้ยังมีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษที่ถูกขนานนามว่า "น้ำตกเลือด (Blood Falls)" ธารน้ำแข็ง Taylor ใน McMurdo Dry Valleys เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งที่เหมือนมีน้ำสีแดงส้มไหลมาตัดกับน้ำแข็งสีขาวโพลน ซึ่งเกิดจาก ออกไซด์ของเหล็ก (Iron Oxides) ในน้ำเค็มเข้มข้นที่ถูกกักอยู่ใต้น้ำแข็งไหลซึมผ่านขึ้นมาตามรอยแยกเล็กๆ เมื่อไหลขึ้นมาสำผัสออกซิเจนในอากาศจึงทำปฏิกริยากันจนเกิดเป็น "สนิม" สีแดงส้มนั่นเอง

หมวดบทความ :

ลงประกาศขาย-เช่าฟรี คำนวณการขอสินเชื่อ

คุ้มค่าน่าอ่าน

ประกาศซื้อ-ขายมาใหม่

SHARE

Share Tweet Share
BanKumKa.Com เป็นเว็บไซต์ศูนย์กลางสำหรับซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ด้วยข้อมูลที่พร้อมทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ และที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นโครงการใหม่หรือบ้านมือสอง อีกทั้งบทความและข่าวสารที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้คุณได้คัดสรรทรัพย์ที่ดีที่สุดได้ในเว็บไซต์ BanKumKa.com ที่เดียว
เว็บไซต์ BanKumKa.Com มีการเก็บ Cookies ซึ่งเป็นการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้า นโยบายความเป็นส่วนตัว ยอมรับ