เดอะ ฟอเรสเทียส์ ประกอบไปด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ มุ่งเน้นการออกแบบทุกมิติทั้งในที่พักอาศัยและสภาพแวดล้อมทั้งหมดเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น และมีความสุขมากขึ้น โดยตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพมากที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ EEC
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า “นับเป็นประสบการณ์ที่พิเศษที่ผู้พัฒนาโครงการตั้งใจสร้าง ฟอเรสต์ พาวิลเลียน ซึ่งเป็นอาคารที่มีพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่ถึงประมาณ 6,500 ตารางเมตร เพื่อจัดแสดงห้องตัวอย่างของโครงการที่พักอาศัยต่างๆ พร้อมกับจัดแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาโครงการผ่านเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อให้ผู้มาเยี่ยมชมได้เรียนรู้ เข้าใจวิสัยทัศน์ และแนวคิดสำคัญ ตลอดจนได้สัมผัสประสบการณ์ทั้งหมดของโครงการ ในฐานะเป็นโครงการเมืองแห่งแรกในโลกที่ออกแบบทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น และมีความสุขมากขึ้น”
ฟอเรสต์ พาวิลเลียน ถูกเนรมิตขึ้นจากการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรสุดยอดของโลก และของไทย ในด้านต่างๆ เช่น Foster + Partners Thailand บริษัทสถาปนิกระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ออกแบบอาคารฟอเรสต์ พาวิลเลียน, ITEC Entertainment จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ออกแบบ Entertainment Experience ให้กับ ดิสนีย์แลนด์ ดิสนีย์ซี และยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เป็นผู้ออกแบบสร้างสรรค์ประสบการณ์และสันทนาการที่จะเกิดขึ้นภายในโครงการ, VAVE Studio จากประเทศเยอรมัน เป็นผู้ออกแบบ Exhibition Experience and Story Creator แต่ละห้องภายใน ฟอเรสต์ พาวิลเลียน, และ BUG Studio บริษัทชื่อดังของไทย เป็นผู้ออกแบบ multi-disciplinary design นำเสนอประสบการณ์รูปแบบใหม่อย่างที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน
ทั้งนี้ หนึ่งในไฮไลท์ภายใน ฟอเรสต์ พาวิลเลียน คือ ห้องจัดแสดงที่มีชื่อว่า Chamber of Secret ที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์ของโครงการผ่านภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นที่สร้างสรรค์โดยบริษัท DEC Media และ บริษัท T&B Media Global (Thailand) แสดงบนจอ The Wall ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของโลกในปัจจุบัน โดย The Wall เป็นหน้าจอแบบไมโครแอลอีดี (microLED) ที่สามารถถ่ายทอดที่สุดของประสบการณ์ล้ำสมัยของการรับชมภาพด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาช่วยเพิ่มความคมชัดเพื่อมอบประสบการณ์แบบเหนือจริงให้แก่ผู้ชม
นายกิตติพันธุ์ กล่าวว่า “เดอะ ฟอเรสเทียส์ ถือเป็นโครงการต้นแบบแห่งใหม่ของโลกในการพัฒนาเมือง ที่ได้รับการออกแบบรังสรรค์และก่อสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการยอมรับและยกย่องมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก รวมทั้งสถาบันชั้นนำระดับโลกและสถาบันชั้นนำของไทย ด้วยแนวคิดในการพัฒนาเมืองที่ส่งเสริมให้ผู้คนที่อยู่อาศัย และเข้ามาใช้ชีวิตในโครงการแห่งนี้ มีสุขภาพดียิ่งขึ้น และมีความสุขมากขึ้น”
“สถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นเหมือนสิ่งกระตุ้นเตือนให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการมีสุขภาพดีอย่างแท้จริง คนเริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกที่พักอาศัยและสภาพแวดล้อมที่จะส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี ทั้งเรื่องของความปลอดภัย การได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ การผสานธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน การออกแบบจัดการคุณภาพอากาศ แสง ทั้งภายในที่พักอาศัยและสภาพแวดล้อมในโครงการ รวมไปถึงการจัดวางผังองค์ประกอบต่างๆ ในโครงการ และการเลือกใช้วัสดุ ส่งผลให้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยม” นายกิตติพันธุ์ กล่าว
เดอะ ฟอเรสเทียส์ ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 398 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด กม. 7 ทำเลที่มีศักยภาพมากที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของ EEC โดย เดอะ ฟอเรสเทียส์ ประกอบด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ พื้นที่เชิงธุรกิจสำหรับสำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ กิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงพื้นที่ Family Center สำหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ของครอบครัว และพื้นที่ Town Center สำหรับกิจกรรมชุมชนและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ โรงละคร อีเว้นต์ฮอลล์ ตลาด
โครงการที่พักอาศัยใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ อาทิ คอนโดมิเนียมแบรนด์ วิสซ์ดอม แบบ high-rise จำนวน 3 อาคาร มุ่งตอบโจทย์คนวัยเริ่มต้นทำงาน วัยสร้างครอบครัว ครอบครัวใหม่ และคนรักสัตว์เลี้ยง คอนโดมิเนียมแบรนด์ มัลเบอร์รี โกรฟ แบบ low-rise มุ่งตอบโจทย์ที่ไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า บ้านสไลต์คลัสเตอร์โฮม ที่มุ่งตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่หลากหลายเจนเนเรชั่น และ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ดิ แอสเพน ทรี ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย ที่มาพร้อมการบริหารจัดการแบบพิเศษเพื่อการดูแลตลอดชีวิต และที่อยู่อาศัยแบรนด์ ซิกส์เซนส์ วิลล่าระดับซูเปอร์ ลักชัวรี่ ที่บริหารและจัดการโดยซิกส์เซนส์ แบรนด์เซอร์วิสระดับโลก
ใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังมีองค์ประกอบสำคัญที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือ ป่าขนาดใหญ่พื้นที่ 30 ไร่ ที่เริ่มปลูกมาตั้งแต่เป็นเมล็ดและต้นกล้า ครอบคลุมพื้นที่ใจกลางของโครงการ นอกจากนั้น ยังมีทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร ซึ่งรวมทางเดินที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ และทางเดินที่ทอดตัวอยู่เหนือผืนป่าซึ่งอยู่บริเวณใจกลางโครงการ มอบเป็นเส้นทางเดินเท้าท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยความเชื่อที่ว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกับความมหัศจรรย์อันหลากหลายของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ส่งมอบความสุขให้กับผู้คน