กูรูอสังหาฯ มั่นใจอนาคตทาวน์เฮาส์รุ่ง เสียบแทนบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด ราคาดีดตัวสูงต่อเนื่อง แย้มปี 60 ไม่พบทาวน์เฮาส์ต่ำ 1.7 ล้านบาท เหตุราคาที่ดินพุ่ง คอลลิเออร์ส ชี้ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นระดับกว่า 10 ล้านบาท ความต้องการเพิ่ม โดยเฉพาะรอบซีบีดี ผู้บริโภคมองได้พื้นที่ใช้สอยมากกว่าบ้านเดี่ยวในราคาที่ถูกกว่า
นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยฐานเศรษฐกิจว่า ตลาดทาวน์เฮาส์มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเพราะมีราคาที่ดินเป็นตัวแปรสำคัญในการเติบโต ทำให้ทาวน์เฮาส์เกิดขึ้น เพื่อทดแทนสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวที่มีราคาค่อนข้างสูงในปัจจุบัน ขณะที่ราคาทาวน์เฮาส์ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันในอัตราที่มากกว่าสินค้าประเภทอื่น
ทั้งนี้ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา จะพบว่ายังหาซื้อทาวน์เฮาส์ในราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทหรือ 1 ล้านต้นๆ ย่านชานเมืองได้ แต่ปัจจุบันทาวน์เฮาส์ระดับราคาดังกล่าวถูกแทนที่ด้วยคอนโดมิเนียม โดยทาวน์เฮาส์ในปัจจุบันมีราคาเริ่มต้นที่กว่า 1.5 ล้านบาท และในปี 2560 คาดว่าจะไม่เห็นทาวน์เฮาส์ในระดับราคาดังกล่าว แต่จะพบทาวน์เฮาส์ที่มีระดับราคาเริ่มต้นที่กว่า 1.8 ล้านบาท ภายใต้รูปแบบฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถทดแทนบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดได้
"ราคาที่ดิน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทาวน์เฮาส์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นการที่จะพัฒนาบ้านเดี่ยวทำให้มีราคาสูง หากพัฒนาคอนโดฯ ก็ไม่สามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคที่ต้องการอยู่อาศัยแนวราบ จึงเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมาโครงการ ทาวน์เฮาส์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ และในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน" นายอิสระ กล่าว
ด้านนายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์ เนชั่นแนลประเทศไทย กล่าวว่า แม้ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ประกอบการก็ยังคงมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรที่ผู้ซื้อเกือบ 100% ซื้อเพื่อเป็น ที่อยู่อาศัยจริง ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะพัฒนาโครงการในทำเลเมืองชั้นในหรือว่าอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางธุรกิจ
แม้ว่าราคาที่ดินจะสูงก็ตามแต่สามารถพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่มีจำนวนหน่วยไม่มากในระดับราคาสูง ซึ่งกลุ่มลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากนัก โดยรูปแบบของบ้านที่นิยมพัฒนา คือ ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นขึ้นไป แบบหน้ากว้างไม่ต่ำกว่า 5 เมตร เพื่อให้น่าสนใจและเหมาะกับราคาขายที่มากกว่า 10 ล้านบาทต่อหน่วย ในทำเลที่ไม่ไกลจากเมืองชั้นใน
จากการสำรวจพบว่าปัจจุบันในเขตกรุงเทพฯ มีทาวน์เฮาส์ระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทต่อหน่วยที่เปิดขายอยู่ทั้งหมดประมาณ 542 หน่วย ขายไปได้ประมาณ 75% โดยมากกว่า 93% ของทาวน์เฮาส์ระดับราคานี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่นอกเขตเมืองชั้นใน เช่น ถนนพระราม 3 สาธุประดิษฐ์ ยานนาวา หรือลาดพร้าว เป็นต้น
เนื่องจากราคาที่ดินที่ค่อนข้างสูงทำให้ทาวน์เฮาส์ในทำเลเหล่านี้มีราคาเริ่มต้นที่มากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป และมากขึ้นไปอีก 2 เท่าหรือกว่า 20 ล้าน บาท เมื่อเป็นโครงการที่อยู่ในพื้นที่เมืองชั้นใน ปัจจุบันในพื้นที่เมืองชั้นในและทำเลรอบๆ ในระยะที่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าเส้นทางปัจจุบัน มีโครงการบ้านจัดสรรอยู่หลายโครงการไม่จำกัดเพียงแค่ทาวน์เฮาส์ ยังมีบ้านเดี่ยวและอาคารพาณิชย์ แต่โครงการเหล่านั้นมีราคาขายเริ่มต้นที่มากกว่า 30 ล้านบาท ทำให้ได้รับความนิยมน้อยกว่าทาวน์เฮาส์
ทั้งนี้ ทาวน์เฮาส์ระดับราคามาก กว่า 10 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งกรุงเทพฯตอนเหนือ และตอนใต้มีราคาขายเริ่มต้นที่ประมาณ 10 ล้านบาทต่อหน่วย สำหรับทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นหน้ากว้าง 5 เมตรขึ้นไป หรือมีเนื้อที่ใช้สอยภายในบ้านเริ่มที่ประมาณ 185 ตารางเมตรขึ้นไป ถึงมากกว่า 300 ตารางเมตร สำหรับทาวน์เฮาส์ 4 ชั้น ในส่วนของ ทาวน์เฮาส์พื้นที่เมืองชั้นใน ราคา เริ่มต้นที่มากกว่า 35 ล้านบาทต่อหน่วย สำหรับทาวน์เฮาส์ 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร พื้นที่ใช้สอย 380-430 ตารางเมตร ขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ของบางโครงการมากกว่าบ้านเดี่ยวโดยทั่วไป แต่ราคาขายต่ำกว่าบ้านเดี่ยว ในทำเลเดียวกันค่อนข้างมาก เพราะ ขนาดที่ดินที่เล็กกว่าอัตราการขายของ ทาวน์เฮาส์ก็มากกว่าบ้านเดี่ยวในระดับราคานี้เช่นกัน แต่จำนวนของบ้านเดี่ยวที่มีราคามากกว่า 10 ล้านบาทต่อหน่วย อาจจะมากกว่าทาวน์เฮาส์หลายเท่า แต่โครงการบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลกรุงเทพฯ รอบนอกมีไม่มากนักที่อยู่ในทำเลเดียวกับทาวน์เฮาส์กลุ่มนี้
"ผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ในระดับนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์หรือผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและต้องการจับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ แต่ไม่อยากซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองชั้นใน ที่ราคาสูง หรือต้องการอยู่ในโครงการจัดสรรที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะ บางโครงการทาวน์เฮาส์แบบนี้มีจำนวนหน่วยไม่มาก ทำเลของบ้านในรูปแบบนี้ก็เดินทางสะดวก เพราะอยู่รอบนอก ของเมืองชั้นในไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า ทำให้โครงการรูปแบบนี้เป็นที่สนใจ ของผู้ซื้อ และมีผู้ประกอบการพัฒนาออกมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2557-2558 และมาลดลงในปี 2559 ตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ในอนาคตบ้านในรูปแบบนี้น่าจะยังคงมีโครงการใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นายสุรเชษฐกล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ