ผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ ฟาดฟันรุนแรง หลังตลาดเข้าสู่ภาวะชะลอตัว! LPN ขนคอนโดฯ พร้อมอยู่ 2,400 ยูนิต มูลค่า 2,800 ล้านบาท จัดบิ๊กแคมเปญ "ช็อคเป็นคู่ ยูนิตที่ 2 ลด 50%" หวังสปีดยอดขายหลังหมดมาตรการรัฐ ด้านศุภาลัยรุกตลาดแนวราบเปิด "ศุภาลัย วิลล์ เพชรเกษม 69" เจาะกลุ่มลูกค้าชอบทำเลเชื่อมต่อเมือง "คอลลิเออร์สฯ" คาดปีหน้าบรรยากาศลงทุนอสังหาฯสดใส จับตาหลังประชามติ อสังหาฯ เร่งเปิดโครงการใหม่พร้อมแคมเปญกระตุ้น ระบุภาษีที่ดินฯเร่งอสังหาฯแลนด์ลอร์ดรายเล็ก-กลาง เร่งระบายพอร์ตที่ดิน ทั้งขายและพัฒนาโครงการในรูปแบบทำเองและหาผู้ร่วมทุน รายใหญ่โยกพอร์ตที่ดินไปแล้ว!

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า บริษัทได้ออกแคมเปญ "ช็อคเป็นคู่ ยูนิตที่ 2 ลด 50%" โดยได้นำคอนโด มิเนียมพร้อมอยู่ 13 โครงการ ซึ่งเป็นตำแหน่งห้องสวยและมุมดีสุด จำนวน 2,400 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวม 2,800 ล้านบาท มาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ โดยมุ่งหวังกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงภาวะซบเซา หลังหมดมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ จากรัฐบาลให้กลับมาคึกคักมาก

สำหรับเงื่อนไขในแคมเปญพิเศษนี้ เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อห้องชุดเป็นคู่ (2 ห้อง) อาจจะเป็นกลุ่มเพื่อนหรือกลุ่มญาติของตนเองชวนกันมาเลือกซื้อ โดยยูนิตแรกจองซื้อในราคาปกติ ส่วนยูนิตที่ 2 รับส่วนลด 50% ทันที ซึ่งต้องเป็นห้องชุดภายในโครงการเดียวกัน โดยหลังจากลูกค้ารับสิทธิพิเศษครั้งนี้แล้วจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดภายใน 15 วันหลังจองซื้อ ซึ่งบริษัทเริ่มแคมเปญอย่างเป็นทางการวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ค.นี้ จนถึงวันที่ 30 ก.ย.2559 ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะได้รับผลตอบรับด้วยดี

ด้าน นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวถึง ภาพรวมอสังหาฯ ฝั่งธนบุรีตอนล่างย่านเพชรเกษม ว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีประชากรและแหล่งงานที่หนาแน่น มีโครงข่ายรถไฟฟ้าที่เดินทางเข้าสู่เมือง และถนนหลายสายที่เชื่อมแหล่งที่อยู่อาศัยโซนกรุงเทพฯ ตะวันตกกับแหล่งงานหลักในย่านธุรกิจใจกลางเมือง ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก และได้จุดเด่นดังกล่าว ทางบริษัทจึงตัดสินใจเปิดโครงการแนวราบเพิ่มอีก 1 โครงการใหม่ คือ "ศุภาลัย วิลล์ เพชรเกษม 69" ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการ 52 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,450 ล้านบาท มีแบบบ้านเดี่ยว 5 แบบให้เลือก อาทิเช่น ขนาด 150-213 ตร.ม.เริ่ม 5.99 ล้านบาท  โดยแบบบ้าน "ศุภฤทธิ์" ขนาด 175 ตร.ม.แบบบ้านเดี่ยวใหม่ล่าสุดของศุภาลัย และบ้านรุ่นใหม่ ขนาด 122 ตร.ม. 3 ห้องน้ำ 2 ห้องน้ำ จอดรถ 2 คัน เริ่ม 3.89 ล้านบาท และทาวน์โฮม ขนาด 113 ตร.ม. เริ่ม 2.49 ล้านบาท

นายสัญชัย คูเอกชัย รองกรรมการผู้จัดการ คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า สิ่งที่น่าจับตาในระยะนี้ คือ หลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ(กำหนดวันที่ 7 ส.ค.59) จะเกิดการเคลื่อนไหวของภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่ต้องมีการทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ๆ หรือเพิ่มนโยบายกระตุ้นการขายที่มากขึ้น ปรับโปรโมชันส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างรายได้ และผลกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นไปได้ที่การเพิ่มขึ้นของอสังหาฯ จะมีผลกระทบต่อโอกาสการทำกำไร ของนักลงทุนบางประเภท โดยยังต้องมุ่งเป้าไปที่ข้อจำกัดอีกส่วนคือ การปล่อยสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งข้อจำกัดนี้อาจจะมีช่วยในการลดซัปพลาย และช่วยปรับสมดุลในตลาดระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า

ส่วนผลกระทบจากกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คาดว่าจะทำให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อยเร่งนำที่ดินสะสมออกขาย หรือพัฒนาโครงการเร็วขึ้น ซึ่งจะมีทั้งร่วมทุนกับผู้ประกอบการรายใหญ่ และพัฒนาโครงการเอง ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งมีช่องทางการลงทุนมากกว่า เช่น การร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ การระบายที่ดินให้บริษัทลูกและบริษัทในเครือไปพัฒนาต่อเพื่อเพิ่มสต๊อกสินค้าในมือ ซึ่งจะส่งผลให้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีโครงการประเภทคอนโดมิเนียมออกสู่ตลาดมากขึ้น คาดทั้งปี 30,000-40,000 ยูนิต

"จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ในปีนี้มีลูกค้าเข้ามาปรึกษาด้านการลงทุนโครงการมากกว่าที่ผ่านมา รวมถึงการติดต่อซื้อ-ขายที่ดินด้วย ขณะเดียวกันพฤติกรรมการซื้อ-ขายที่ดินของลูกค้าก็มีการเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมซื้อ-ขายที่ดิน เจ้าของที่ดินจะไม่มีการลดราคาขาย และจะขายผ่านตัวแทน แต่ปัจจุบันลูกค้ามีการขายโดยตรงระหว่างลูกค้าและผู้ซื้อมากขึ้น ราคาขายก็เจรจากันได้มากขึ้น"

ปัจจุบันที่ดินส่วนใหญ่ในประเทศไทยยังอยู่ในการถือครองของ 50 ตระกูลใหญ่ ซึ่ง มีปริมาณกว่า 30-40% โดยกลุ่มผู้ถือครองที่ดิน 5 รายใหญ่แรกๆ ของประเทศประกอบด้วย กลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ กลุ่มสิงห์ กลุ่มบริษัท ซีพี กลุ่มบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตทฯ กลุ่มบริษัทอนันดาฯ และกลุ่มบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ ซึ่งรายใหญ่มีช่องทางการระบายที่ดีกว่ารายเล็ก

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์สฯ กล่าวว่า ตลาดคอนโดฯในช่วงครึ่งปีแรกมีการเปิดขายใหม่ลดลง แต่คาดว่าครึ่งปีหลังจะเปิดมากขึ้น แม้ว่ากำลังซื้อในตลาดคอนโดฯ ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นที่ลดลง ทั้งนี้คงต้องติดตามเรื่องภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐเป็นสำคัญ

ส่วนแนวโน้มการปรับตัวของราคาที่ดินในปีนี้ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 7-10% โดยทำเลที่มีการซื้อขายในราคาสูงคือ อโศก และทองหล่อ มีราคาขายเพิ่มขึ้นกว่า 10% โดยทำเลที่มีราคาขายสูงสุด 5 อันดับแรกคือ