สื่อออนไลน์ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นทุกขณะ จากที่เคยเป็นแค่สื่อทางเลือกเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้บริษัทดูไม่ตกกระแส แต่วันนี้ สื่อออนไลน์กลายเป็นเครื่องมือที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์จะขาดเสียไม่ได้ เมื่อเทคโนโลยีด้านการสื่อสารทั้งระบบสัญญาณและเครื่องรับที่ทันสมัย เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปใช้สื่อออนไลน์ในการค้นหาข้อมูลมากยิ่งขึ้น
ประกอบกับกลุ่มเป้าหมายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ได้เริ่มขยายวงจากที่เคยให้น้ำหนักที่เรียลดีมานด์ ปัจจุบันกลุ่มลงทุนระยะสั้น-ยาว ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ยิ่งเมื่อตลาดเปิดกว้างจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ไทยถูกยกให้เป็นศูนย์กลางแห่งเออีซี ความต้องการซื้อ เช่า ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ในประเทศไทยเท่านั้น ทำให้สื่อออนไลน์จะยิ่งมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันการแข่งขันในโลกออนไลน์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มทวีความรุนแรงเป็นเงาตามตัว ไม่ว่าจะผ่านเว็บไซต์องค์กร หรือโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะบิ๊กเนมที่พร้อมทุ่มทุนให้กับสื่อออนไลน์
"ในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา สื่อออนไลน์มีส่วนช่วยสร้าง ยอดขายให้บริษัท 1,600 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะสูงกว่า 3,800 ล้านบาท จากเป้ายอดขายรวมปีนี้ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" เลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ให้ความเห็น
สำหรับกลยุทธ์ออนไลน์ของพฤกษาฯ ในปีนี้เน้นการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ ยุคใหม่ของผู้บริโภค เช่น เฟซบุ๊ก เว็บไซต์ อีเมล แอพพลิเคชั่น พร้อมร่วมเป็นพันธมิตรสื่อออนไลน์ชั้นนำ เช่น ไมโครซอฟท์ กูเกิล สนุก เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ขณะเดียวกันยังได้พัฒนาเว็บไซต์ Pruksa.com ให้เข้าถึงทุกดีไวซ์
ขณะที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำลำดับต้นๆ ในการทำตลาดออนไลน์ก็ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง สมัชชา พรหมศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร แสนสิริ กล่าวว่า ในปีนี้จะเน้นโมบาย และวิดีโอมาร์เก็ตติ้ง รวมถึงเว็บไซต์องค์กรของแสนสิริเองก็พัฒนาให้รองรับได้ทุกขนาดหน้าจอ ทั้งแบบเว็บไซต์ ไมโครไซต์ ฯลฯ โดยเฉพาะหน้าจอมือถือที่ปัจจุบันผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์แสนสิริผ่านมือถือมากขึ้น ตามเทรนด์ของการเติบโตของโมบายออนอินเทอร์เน็ต
"การนำเสนอคอนเทนต์บนสื่อออนไลน์ให้มีความน่าสนใจต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น เฉพาะเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีมากกว่า 6 แสนวิว เติบโตจากเดือน ม.ค.ปีนี้เกือบ 2.5 เท่า" สมัชชา กล่าว
เช่นเดียวกับกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่หันมาให้ความสำคัญกับวิดีโอมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น โดย วสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กล่าวว่า ปีนี้จะหันมาเน้นสื่อออนไลน์มากขึ้น ทั้งการโฆษณาบนโลกออนไลน์ การสร้างแบรนด์ผ่านเฟซบุ๊ก และการใช้วิดีโอมาร์เก็ตติ้งบนยูทูบ
"วิดีโอมาร์เก็ตติ้งบนยูทูบจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือสื่อสารบนโลกออนไลน์ที่จะให้ ความสำคัญมากในปีนี้ โดยได้ทดลองส่ง 3 คลิปโฆษณา 3 โครงการบ้านของเพอร์เฟคลงในยูทูบในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ มียอดวิวมากถึง 2 แสนวิว ซึ่งถือว่าผลตอบรับดีมาก ขณะที่ยอดขายบ้านและคอนโดของเพอร์เฟคที่เกิดจากสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นปีละ 30-40%" วสันต์ กล่าว
ขณะที่ ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า กลยุทธ์หลักของออนไลน์ในปีนี้ มุ่งเน้นการสร้างการเข้าถึงกับลูกค้า ตั้งแต่การโปรโมทโครงการผ่านโฆษณาออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมาสื่อออนไลน์เป็นท็อปทรีของสื่อในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับ โครงการใหม่ๆ รวมถึงแคมเปญต่างๆ สะท้อนได้จากจำนวนคนที่สนใจลงทะเบียนผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ขณะที่ Portal Web ก็ มีการแข่งขันที่เข้มข้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการปรับปรุงเครื่องมือ เนื้อหา และรูปแบบการนำเสนอให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
ล่าสุด PropertyGuru Group จากสิงคโปร์ บริษัทแม่ของ DDpro perty.com เว็บไซต์ สื่อกลางในการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ในไทย ได้ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ที่พร้อมจะลงทุนพัฒนาเว็บไซต์ หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 70-80% ภายในระยะเวลา 5-10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 60% จากจำนวนผู้ใช้บริการรวมกว่า 4 ล้านคน/เดือน
สำหรับไฮไลต์สำคัญของ DDproperty.com ที่ จะใช้เป็นจุดขายเพื่อดึงคนมาใช้บริการ คือ การแสดงการเปลี่ยนแปลงราคา ย้อนหลัง และการให้คะแนนอสังหาริมทรัพย์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นข้อมูลมากที่สุด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ DDproperty.com จะใช้งบถึง 10 ล้านบาทในการโปรโมท และสร้างการรับรู้แบรนด์
ด้านค่ายอนันดาฯ ได้ลอนช์เว็บไซต์ ดิ เอเจ้นท์ เพื่อให้บริการซื้อขายและเช่าที่อยู่อาศัยที่เน้นเจาะกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้า ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ 8,500 ล้านบาท พร้อมทุ่มงบอีก 100 ล้านบาท ขยายตลาดต่างประเทศด้วยการซื้อบริษัทตัวแทนนายหน้าในสิงคโปร์และฮ่องกง
ยิ่งออนไลน์ตอบสนองการทำตลาดได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นเท่าไร การแข่งขันของธุรกิจอสังหาฯ บนโลกออนไลน์ก็จะยิ่งร้อนแรง มากยิ่งขึ้น และในไม่ช้าออนไลน์จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการแพ้ชนะกันในตลาดแน่นอน
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์