น.ส.กนกนารถ รัตนสุวรรณชาติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนรุกไปทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยในช่วงต้นปี 2559 จะสร้างและเปิดขายโครงการบ้านพักอาศัยแนวราบเป็นโครงการแรกระดับไฮเอนด์ ราคาขายไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท/ยูนิต มีมูลค่าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท บนที่ดินของบริษัทบริเวณกรุงเทพกรีฑา จำนวน 20 ไร่ แหล่งเงินลงทุนจะใช้กระแสเงินสดภายใน
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในสินทรัพย์ที่เจ้าของเดิมไม่สามารถพัฒนาต่อจนเสร็จและต้องการขายทอดตลาด ปัจจุบันมีผู้เสนอเข้ามาประมาณ 3-4 โครงการ มูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท/โครงการ โดยส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม คาดจะสรุปการลงทุนได้ภายสิ้นปี 2558
สำหรับปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมในการลงทุนเพราะมีสถานะเงินสด แต่หากมีโครงการลงทุนที่ขนาดใหญ่ส่งผลให้ต้องการเงินทุนเพิ่มบริษัทพร้อมจะศึกษาแหล่งเงินทุนอื่นๆ ขณะที่ปัจจุบันมีอัตราหนี้ต่อทุน (DE) ต่ำเพียง 0.20 เท่า จากกรอบนโยบายดีอีที่วางไว้ไม่เกิน 1.50 เท่า สามารถกู้เพิ่มได้อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท
"เราเปิดกว้างที่จะมีพันธมิตรร่วมทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หากเข้ามาช่วยสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นหรือสร้างโครงการให้เสร็จเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายใน 5 ปี จะมีรายได้จากอสังหาฯ สัดส่วนประมาณ 50% ซึ่งจะเน้นโครงการไฮเอนด์เพราะมีอัตรากำไรสุทธิเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยบริษัทมีความพร้อมลงทุนจากสถานะเงินสด และยังหาแหล่งทุนอื่นได้ ปัจจุบันมี DE เพียง 0.20 เท่า จากนโยบายที่วางไว้ไม่เกิน 1.50 เท่า จึงสามารถกู้ได้อีก 1,000 ล้านบาท"
สำหรับธุรกิจตกแต่งภายในปัจจุบันมีมูลค่างานในมือรวมประมาณ 1,500 ล้านบาท และครึ่งปีหลัง จะได้งานใหม่อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ยังไม่รวมงานโครงการ ชิป หมง แลนด์ ในประเทศกัมพูชาที่มีมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2559
สำหรับในปี 2558 บริษัท ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้โต 45% หรือมีรายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 13% จากปีก่อน 10.5% โดยคาดว่าใน 5 ปี รายได้จากธุรกิจนี้จะโตต่อเนื่องเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี ขณะเดียวกันก็สนใจลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์