ธอส.ปล่อย กู้บ้านประชารัฐเฟสแรก เคาะดอกเบี้ย 2% ระยะเวลา 5 ปี ชี้พลิกประวัติศาสตร์การปล่อยกู้ ฟากมั่นคงเคหะการฯรุกธุรกิจอสังหาฯให้เช่า พร้อมเปิดตัว 5 โครงการใหม่ปีนี้ ลุ้นรายได้ 4.1 พันล้าน
นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เจรจาเงินกู้จากธนาคารออมสิน ให้ ธอส.เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อให้กับผู้มีรายได้น้อยซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการ บ้านประชารัฐเฟสแรกที่จะเปิดตัวเดือน มี.ค.นี้ โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ธนาคารออมสินจะปล่อยกู้ให้กับ ธอส.ในอัตราดอกเบี้ย 2.29% จากเดิม 2.9% โดยธนาคารออมสินจะไม่จำกัดเพดานเงินกู้ โดยเบื้องต้น ธอส.จะขอกู้ 5 หมื่นล้านบาท หากไม่พอจะขอกู้เพิ่มเติม โดยการ กู้เงินครั้งนี้จะเป็นรูปแบบธนาคารออมสินนำเงินมาฝากที่ ธอส.
สำหรับการปล่อยกู้ให้ผู้ซื้อบ้านประชารัฐ ธอส.จะปล่อยกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อยที่มาซื้อบ้านประชารัฐเฟสแรกในอัตรา ดอกเบี้ยคงที่ 2% เป็นเวลา 5 ปี โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้กับ ธอส.ปีละ 1% ซึ่งเดิมจะชดเชยให้แค่ 3 ปี แต่ ธอส.ขอให้ขยายเวลาเป็น 5 ปี เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยไม่มีภาระผ่อนบ้านในระยะเริ่มต้นมากไป หลังจากนั้นจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเล็กน้อย
"การปล่อยกู้โครงการบ้านประชารัฐ จะเป็นการเปลี่ยน รูปแบบของการปล่อยกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อยของประเทศครั้งใหม่ จะเป็นประโยชน์กับสังคมและเศรษฐกิจอย่างมาก" นายสุรชัยกล่าว
นายสุรชัย กล่าวอีกว่า โครงการบ้านประชารัฐเฟสแรกนั้น ธอส. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) จะนำบ้านที่เป็นสินทรัพย์รอการขาย (NPA) ร่วมกับผู้ประกอบการที่จะนำที่อยู่อาศัยราคาไม่ได้แพงมาก มาเข้าร่วมโครงการให้กับผู้มีรายได้น้อยมาซื้อกว่า 1.5 พันรายการ
ด้านนายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.มั่นคงเคหะการ หรือ MK เปิดเผยว่า ในปี 2559 มีแผนการดำเนินงานโดยได้วางกลยุทธ์การเติบโตด้วยแผนรุกทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าและการบริการ โดยตั้งเป้าทั้ง 2 ธุรกิจมีสัดส่วนรายได้ 50:50 ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายจะรุกตลาดแนวราบเป็นหลัก และบริหารสัดส่วนรายได้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายให้อยู่ระดับการเติบโต ประมาณ 15% ต่อปี
ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าและการบริการนั้นคาดจะเริ่มมีการรับรู้รายได้จากโครงการพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในเขตปลอดอากรและเขตทั่วไป และมีแผนการพัฒนาโครงการพาร์ค คอร์ท ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์เจาะตลาดบนและกลุ่มต่างชาติที่จะเข้ามาเพิ่มรายได้ระยะยาว โดยตั้งเป้ารายได้ 4,100 ล้านบาทภายในปีนี้ พร้อมทั้งตั้งเป้าภายใน 5 ปีจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท และมีกำไรไม่ต่ำกว่าปีละ 900 ล้านบาท
สำหรับแผนพัฒนาโครงการของบริษัทในปีนี้ โดยบริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการ มูลค่ากว่า 3,200 ล้านบาท อาทิ โครงการชวนชื่น แกรนด์ ราชพฤกษ์ และโครงการ ชวนชื่น แกรนด์ เอกชัย-บางบอน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์