แห่กู้ธอส.ตามโครงการกระตุ้นอสังหาฯ วันเดียว 2.5 พันล้าน คาดไม่ถึงเดือนหมดวงเงินหมื่นล้านที่รัฐอนุมัติให้ บิ๊กธอส.ลั่นขยายวงเงินไม่อั้นเพื่อสนองรัฐบาล และมั่นใจหนี้เสียไม่เยอะเพราะมีระบบตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มงวด
นางอังคณา ปิลันธน์โอวาท ไชยมนัส กรรมการ ผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่าการขอสินเชื่อมาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางตามนโยบายรัฐบาล ในวันแรก (19 ต.ค.) มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก มียอดยื่นคำขอเงินกู้กว่า 2,000 รายทั่วประเทศ คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 2,500 ล้านบาท คาดว่าจากนี้จะมีผู้เข้ายื่นขอเฉลี่ยวันละ 1,000 ล้านบาท หรือจะครบวงเงิน 10,000 ล้านบาท ภายในไม่เกิน 1 เดือน
"สินเชื่อผู้มีรายได้น้อยของ ธอส.ใครมาก่อนได้ก่อน โดยลูกค้ารายแรกที่ยื่นขอกู้ มารอที่ธนาคารสำนักงานใหญ่ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. หากเอกสารพร้อม ก็สามารถอนุมัติเงินกู้ได้ภายใน 3 วัน"
ทั้งนี้ เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ในอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อพิจารณาขยายวงเงินกู้ ในกรณีที่มีผู้ยื่นขอครบจำนวน 10,000 ล้านบาท และยังพบว่ามีประชาชนสนใจแต่เข้าโครงการไม่ทัน รวมถึงลูกค้าเดิมของธอส. ที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อภายใต้เงื่อนไขการพิจารณาสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อราย (DSR) จากเดิม 33% มาเป็น 50% โดยยืนยันว่าธนาคารพร้อมปล่อยกู้ไม่จำกัดวงเงินเพื่อรองรับความต้องการของประชาชนตามนโยบายรัฐบาล
นางอังคณา กล่าวอีกว่า ไม่เป็นห่วงหนี้เสีย (NPL) จากโครงการดังกล่าว เพราะธนาคารมีระบบตรวจสอบ มีหลักเกณฑ์ที่มาของรายได้ ที่จะพิสูจน์ว่ามีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง และมั่นใจว่าลูกค้าที่มาขอกู้ต้องการมีบ้านเพื่ออยู่อาศัยไม่ได้นำไปเพื่อ ใช้ในการเก็งกำไร โดยปัจจุบันเอ็นพีแอลธนาคารอยู่ที่ 5% จากสิ้นเชื่อคงค้าง ณ สิ้น ก.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 8.37 แสนล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อใหม่ในปีนี้ 1.08 แสนล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ 1.49 แสนล้านบาท
การปล่อยสินเชื่อของ ธอส.ไม่ได้เป็นการแข่งขันหรือดึงลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ แต่หากธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยกู้เช่นเดียวกับ ธอส.ได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี สามารถช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงการมีบ้าน และยังช่วยเหลือรัฐบาลในการดูแลประชาชน ส่วนกรณีที่รัฐบาลต้องการให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เข้ามาร่วมลงทุนสร้างบ้าน สำหรับผู้มีรายได้น้อย จะหารือร่วมกับกระทรวงคลัง และภาคเอกชนอีกครั้งในวันที่ 22 ต.ค. นี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด