ตลาดที่อยู่อาศัยส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าอ่อนนุช-แบริ่งคึกคัก อัตราการขายสูง 85% คอลลิเออร์สแนะจับตาพื้นที่โดยรอบสถานีปุณณวิถี ทำเลศักยภาพแห่งอนาคต ชี้โครงการวิสซ์ดอม 101 ช่วยกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัย ด้านกูรูที่ดินเผยราคาที่ดินช่วงอ่อนนุชเป็นต้นไปพุ่งสูง 2-8 แสนบาทต่อตร.ว. บางพื้นที่ไม่เหมาะทำโครงการราคาขายต่ำกว่า 1.5 แสนบาทต่อตร.ว.

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า เส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากอ่อนนุชไปสถานีแบริ่งเริ่มเปิดให้บริการในปี 2554 ซึ่งนับตั้งแต่เปิดให้บริการ พบว่า มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยโครงการที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบันมีทั้งหมด 18 โครงการ รวม 6,930 หน่วย อัตราการขายอยู่ที่ประมาณ 85% เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2554 ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 1,039 หน่วย

สำหรับราคาขายเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลนี้อยู่ที่ประมาณ 7.5 หมื่นบาทต่อตร.ม. โดยระดับราคาขายในทำเลนี้เริ่มตั้งแต่ 4.5 หมื่นบาทต่อตร.ม.ขึ้นไปจนถึงระดับราคามากกว่า 1.4 แสนบาทต่อตร.ม. ซึ่งโครงการที่เปิดขายในปี 2557 เป็นต้นมา เริ่มมีราคาขายสูงขึ้นและโครงการที่อยู่ติดถนนสุขุมวิทหรือไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าจะมีราคาขายค่อนข้างสูง โดยในปี 2558 มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาเปิดขายโครงการในพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างมากและ ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี เนื่องจากไม่ค่อยมีโครงการใหม่ๆ ที่น่าสนใจเปิดขายในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ในบริเวณดังกล่าวยังมีโครงการบ้านจัดสรรเปิดขายเช่นกัน แต่เป็นโครงการทาวน์โฮมขนาดเล็กที่มีจำนวนรวมประมาณ 131 หน่วย ขายไปได้ประมาณ 80% ราคาเริ่มต้นมากกว่า 5 ล้านบาทต่อหน่วยไปจนถึงใกล้เคียง 10 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากเช่นกัน

ในส่วนของทำเลรอบๆ สถานีปุณณวิถี อาจจะไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนักในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายในทำเลอื่นๆ ที่มีความพร้อมมากกว่า เช่น อ่อนนุชที่มีโครงการค้าปลีก และบริเวณสี่แยกบางนาที่ในอนาคตจะมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ แต่ในส่วนของพื้นที่รอบๆสถานีปุณณวิถี นับตั้งแต่บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP ซื้อที่ดินโครงการปิยรมย์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายประมาณ 4 พันล้านบาท โดยมีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ วิสซ์ดอม 101 ก็ช่วยสร้างกระแสความคึกคักของพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก โดยดูได้จากจำนวนโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปี 2558 มีอัตราการขายได้ค่อนข้างสูงประมาณ 75-80% เมื่อเทียบกับโครงการที่เปิดขายก่อนหน้านี้ในทำเลเดียวกัน

"ทั้งนี้คาดว่าในปี 2559 จะมีโครงการเปิดตัวใหม่ในพื้นที่ย่านปุณณวิถีประมาณ 5 โครงการ จำนวนประมาณ 1,500 หน่วย  ระดับราคาขายมากกว่า 1 แสนบาทต่อตร.ม. โดยในพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีที่ดินให้พัฒนาอีกจำนวนมาก  แต่เป็นที่ดินในซอยที่สามารถพัฒนาโครงการแนวราบกับโครงการคอนโดฯโลว์ไรส์ได้เท่านั้น เนื่องจากที่ดินบริเวณริมถนนใหญ่มีจำนวนจำกัด"

ด้าน นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดิร์นพร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด กล่าวถึงราคาที่ดินตามเส้นทางถนนสุขุมวิทว่า ราคาที่ดินบริเวณต้นถนนสุขุมวิทหรือนับตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต-ทองหล่อ ราคาที่ดินบริเวณริมถนนอยู่ที่ประมาณ 2-2.5 ล้านบาทต่อตร.ว. แต่ถ้าเป็นที่ดินในซอยที่มีขนาดถนนกว้างไม่ถึง 10 เมตร สามารถสร้างอาคารสูงได้ไม่เกิน 8 ชั้น ราคาที่ดินอยู่ที่ประมาณ 5 แสน-1.5 ล้านบาทต่อตร.ว. ขณะที่ในซอยเดียวกันแต่มีขนาดถนนกว้างกว่า 10 เมตร ซึ่งสามารถสร้างอาคารสูงได้ ราคาขายที่ดินอยู่ที่กว่า 1 ล้านบาทต่อตร.ว.ทำให้ที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม เนื่องจากที่ดินมีราคาสูงสำหรับราคาที่ดินนับตั้งแต่ช่วงอ่อนนุช-แบริ่งราคา ที่ดินริมถนนอยู่ที่ประมาณ 2-8 แสนบาทต่อตร.ว. โดยพื้นที่ที่มีความคึกคักของที่อยู่อาศัยคือช่วงสี่แยกบางนา เนื่องจากมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่และมีการขยายตัวของสิ่อำนวยความสะดวกต่างๆ ประกอบกับราคาที่ดินยังสามารถนำมาพัฒนาโครงการในระดับราคาขายต่ำกว่า 1.5 แสนบาทต่อตร.ม.ได้

"การพัฒนาที่อยู่อาศัยปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกคือเรื่องของราคาที่ดิน หากที่ดินที่นำมาพัฒนาโครงการมีราคาขายมากกว่า 5 แสนบาทต่อตร.ว. ผู้ประกอบการต้องพัฒนาโครงการที่มีราคาขายมากกว่า 1.5 แสนบาทต่อตร.ม.จึงจะคุ้มค่ากับการพัฒนา หรือพัฒนาสินค้าในระดับพรีเมียมไปเลย แต่ต้องพัฒนาในขนาดโครงการที่เล็ก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคระดับบนยังไม่นิยมพักอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว มากนัก" นายวสันต์ กล่าว

ทั้งนี้ นอกจากโครงการวิสซ์ดอม สุขุมวิท ล่าสุดบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นฯ ก็มีแผนพัฒนาโครงการบ้านหรู นิวคอลเลกชันแบรนด์ใหม่ย่านปุณณวิถี สุขุมวิท101 ในปี 2559 นี้

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ