นายรณกฤต สารินวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่า การที่จีนประกาศลดค่าเงินหยวน ติดตามด้วยการลดสำรองธนาคารพาณิชย์ สร้างความสั่นสะเทือนไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากกังวลว่าเศรษฐกิจจีนเข้าสู่ภาวะตกต่ำจนทางการจีนต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จีนยังเข้าอุ้มตลาดหุ้นโดยการอัดเงินเข้าระบบ interbank จำนวน 1.4 ล้านหยวน (26 สิงหาคม) และอีก 6 หมื่นล้านหยวน (28 สิงหาคม) และเตรียมทำ QT (QE) ขายพันธบัตร US เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และตลาดการเงินที่ไร้เสถียรภาพ แต่ก็เปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเล็กน้อยในช่วงต่อไปของปีนี้ หลังจากจีนออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทำให้ทั้งภูมิภาคเอเชียกลับมาได้เปรียบทางการค้า และทำให้อเมริกาต้องเผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวลงในอีก 6 เดือนข้างหน้า หลังจากการลดค่าหยวนของจีนเริ่มส่งผล
ดังนั้นหากสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยเรามองว่าจะส่งผลให้เดินนโยบายผิดทาง และเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะทรงตัวมากกว่าฟื้นตัว ทั้งนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่งและมีความเสี่ยงมากขึ้น จึงเร็วเกินไปที่จะรีบขึ้นดอกเบี้ย หากยังเป็นเช่นนั้นจะทำให้เม็ดเงินลงทุนอาจไหลออกมายังภูมิภาคเอเชีย
“เรามองว่าจีนออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งเพื่อให้ได้เปรียบด้านการส่งออก และเพิ่มการบริโภคภายในพร้อมกัน จะส่งผลในระยะยาวให้เศรษฐกิจจีนกลับมามีเสถียรภาพ และภูมิภาคเอเชียกลับมาได้เปรียบสหรัฐและอียู ดังนั้นเราเชื่อว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคจะฟื้นตัวแข็งแกร่งและดึงเม็ดเงินลงทุน กลับเข้ามา” นายรณกฤตกล่าว