นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือประมาณ 13,900 ล้านบาท พร้อมกับเป้ายอดขาย 13,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 50% โดยได้ดำเนินธุรกิจตามยุทธศาสตร์หลัก 5 ข้อ เพื่อสร้างรายได้ 20,000 ล้านบาทในปี 2559
โดยที่แผนธุรกิจในปีนี้ที่จะเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกเปิด 2 โครงการระดับ Super Luxury ได้แก่ โครงการ กรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม คฤหาสน์หรูมูลค่าโครงการ 2,150 ล้านบาท กับ โครงการ SALADAENG ONE มูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายอย่างเป็นทางการและเปิดห้องตัวอย่างให้ชมตั้งแต่ 23 พ.ค.นี้เป็นต้นไป จึงมั่นใจว่าจะทำให้รายได้และยอดขาย
โดยรวมทั้งปีเติบโตและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดแคมเปญพิเศษ "SC Morning Call" ปลุกเช้าวันใหม่ กับ 28 โครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม ด้วยโปรโมชั่นพิเศษกับยูนิตสวย ทั้งราคาลดพิเศษ ตกแต่งเฟอร์ฯ ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน เครื่องใช้ไฟฟ้า Cash back สูงสุดมูลค่า 5 ล้านบาท ในวันที่ 6-7 มิ.ย.นี้
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/2558 บริษัทฯ มียอดขาย 2,721 ล้านบาท เติบโต 132% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2557 มีรายได้รวม 2,079 ล้านบาท เติบโต 33% โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 2,072 ล้านบาท รายได้หลักมาจากการขายโครงการที่อยู่อาศัย 1,867 ล้านบาท และรายได้จากอาคารสำนักงานให้เช่า 205 ล้านบาท บริษัทฯ
มีกำไรสุทธิ 160 ล้านบาท เติบโต 80% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม และ มีหนี้สินรวม เท่ากับ 30,506 ล้านบาท และ 18,710 ล้านบาท ตามลำดับ ในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ เตรียมแผนออกหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะออกและเสนอขายได้ในช่วงประมาณปลายเดือนมิถุนายนนี้
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1 บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ 9,665 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 40% จากการโอนของโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการด้วยกัน คือ โครงการ เดอะเครสท์ สุขุมวิท 34 คอนโดมิเนียมหรูห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อเพียง 120 เมตร ซึ่งปิดการขายเรียบร้อยแล้ว และโครงการ เซ็นทริค ซี พัทยา ที่คาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้ในไตรมาส 4 พร้อมกับโครงการ เซ็นทริค สาทร-เซ็นหลุยส์ และโครงการ เซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น ที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ส่วนยอดรับรู้ที่เหลืออีกประมาณ 60% จะทยอยรับรู้ในปี 2559-2561
"ปีนี้จะเป็นปีที่ตลาด Luxury Segment มีความ โดดเด่น เนื่องจากเป็น Segment ที่ มีกำลังซื้อและ มีผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อย พร้อมกับการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ย จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกที่สำคัญสนับสนุนให้ตลาดอสังหาฯ มีความคึกคักมากขึ้น ในไตรมาส 1/2558 บริษัทฯ มียอดขายบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มากกว่า 730 ล้านบาท เติบโตถึง 145% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา และขณะเดียวกันยอดปฏิเสธจากธนาคารของกลุ่มบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีอัตราต่ำสุดเท่ากับ 0% แสดงถึงศักยภาพและความแข็งแรงของกลุ่มลูกค้า Luxury Segment ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ไว้เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา" นายณัฐพงศ์กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์