"ปริญสิริ" เผยงบไตรมาส 2/58 พลาดเป้า เตรียมปรับลดเป้ายอดขาย-รายได้ปีนี้ จากเดิมตั้งไว้ 3 พันล้านบาท พร้อมปรับลดการเปิดโครงการใหม่ปีนี้เหลือ 3 โครงการ จากเดิม 5 โครงการ มูลค่า 5 พันล้านบาท

นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN เปิด เผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่มีรายได้ 601.38 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 0.82 ล้านบาท อีกทั้งยังต่ำกว่าเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่บริษัทตั้งไว้ที่ 800 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่แล้ว จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการทาวน์เฮาส์ ซิตี้เซนส์ รามอินทรา (พระยาสุเรนทร์ 30) มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท และโครงการ Zelle คอนโด ศาลายา มูลค่าประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งยอดขายพลาดเป้าทั้ง 2 โครงการ

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขาย (Presale) รวม อยู่ประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาท มาจากโครงการเก่าเหลือขายในมือและโครงการเปิดใหม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโครงการเหลือขายในมือมูลค่ารวมประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามียอดผู้บริโภคเข้ามาดูโครงการจำนวนน้อย เนื่องจากผู้บริโภคขาดความมั่นใจ อีกทั้งสถาบันการเงินยังเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

"การตัดสินใจซื้อบ้านของคนส่วนใหญ่ ต้องเกิดจากความเชื่อมั่นและมั่นใจในเศรษฐกิจ คือเศรษฐกิจต้องดีแต่ปัจจุบันเศรษฐกิจมันไม่ดี มันยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดหวัง ส่วนการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย  (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงก็ไม่ได้ช่วยอะไร เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังไม่กลับมา" นายชัยรัตน์ กล่าว

นายชัยรัตน์ กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะพิจารณาปรับลดเป้าหมายรายได้และยอดขายลง น่าจะเหลือใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 2,499 ล้านบาท และยอดขายกว่า 2,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายยอดขายและรายได้ปีนี้ที่ 3,000 ล้านบาท หลังจากเห็นสัญญาณในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้ทั้งหมดในปีนี้

โดยโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมโอนในปีนี้มีจำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโด เซล รัตนาธิเบศร์ เป็นคอนโดโลว์ไรส์บนพื้นที่ 5 ไร่ 35.1 ตารางวา เป็นอาคาร 8 ชั้น 8 อาคาร จำนวน 570 ยูนิต ซึ่งเปิดขายในช่วงที่ผ่านมาจำนวน 2 อาคาร และปัจจุบันทยอยโอนกรรมสิทธิ์ของ 2 อาคารดังกล่าว ขณะเดียวกันบริษัทก็เริ่มเปิดขายและก่อสร้างในอาคารใหม่เพิ่ม

สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะปรับลดการเปิดโครงการใหม่เหลือ 1 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ จากเดิมที่มีแผนจะเปิดโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบจำนวน 2 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 1 โครงการ ทั้งนี้ จากเดิมในปีนี้บริษัทมีแผนการเปิดโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินในมือพร้อมสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ๆ แต่บริษัทมองว่ายังต้องรอจังหวะในการเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อลดการก่อหนี้เพิ่ม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ ที่ 1.6 เท่า หากบริษัทเปิดโครงการใหม่ในช่วงจังหวะที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว จะทำให้บริษัทมีหนี้สินเพิ่มขึ้น บริษัทจึงพิจารณาปรับลดการเปิดโครงการใหม่ดังกล่าว เพื่อลดภาระหนี้สินของบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทยังมองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะนิ่งแบบ ซึมตัว เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดีตามที่คาดหวัง ทำให้ความมั่นใจของผู้บริโภคลดลง ขณะที่การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคน้อย