แลนด์มาร์ค มหาชัย ขึ้นแท่นคอมมูนิตี้มอลล์สุดฮอต EMC เตรียมปิดดีล 4 แบรนด์ดังเช่าพื้นที่ศูนย์การค้า หลังลงนามข้อตกลงความร่วมมือเรียบร้อย เผยมีแบรนด์ดังระดับแม่เหล็กอีกหลายรายจ่อคิวรอเซ็นสัญญาในเร็วๆ นี้อีกเพียบ
นายเศรษฐวัจน์ ตั้งวัชรพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC ผู้บริหารโครงการ "แลนด์มาร์ค มหาชัย" ไลฟ์สไตล์มอลล์ มูลค่า 1,250 ล้านบาท ใจกลางเมืองมหาชัย เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับผู้เช่าพื้นที่รายใหญ่ทั้ง 4 รายที่จะเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าแลนด์มาร์ค มหาชัย ได้แก่ Max Valu ซุปเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่, Kasa (คาสะ) ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง, ห้างแว่นท็อปเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตากว่า 50 ปี และ Tuna Ichiban (ทูน่า อิชิบัน) ร้านบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นชื่อดัง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยที่ทั้ง 4 แบรนด์ดังที่เข้าร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับศูนย์การค้าแลนด์มาร์ค มหาชัย ล้วนแล้วแต่มีความเชื่อมั่นในตัวศูนย์การค้า และผู้บริหารโครงการ รวมถึงเชื่อมั่นในศักยภาพของเมืองมหาชัยซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง อยู่ใจกลางชุมชน และที่สำคัญจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจ และสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครองพบว่า ประชากรในจังหวัดสมุทรสาครมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 11,479 บาท สูงเป็นลำดับที่ 7 ของประเทศ มีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนถึง 9,008 บาท สูงเป็นลำดับที่ 7 ของประเทศ
ในขณะเดียวกันมีเงินเก็บเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 2,471 บาท สูงเป็นลำดับที่ 4 ของประเทศ รวมถึงมีหนี้สินเฉลี่ยต่อเดือน 2,279 บาท ต่ำเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้จ่ายที่สูงของคนในจังหวัดสมุทรสาคร และเมืองมหาชัยได้เป็นอย่างดี
"มหาชัยเป็นเมืองที่มีศักยภาพสูงมาก คนที่นี่มีรายได้สูง ใช้จ่ายเยอะ แต่ในทางกลับกันก็มีเงินเก็บที่สูง และมีหนี้สินที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นโครงการแลนด์มาร์ค มหาชัยจึงถือว่าเป็นโครงการที่เข้าถึงกำลังซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งร้านค้า ร้านอาหารแบรนด์ดัง ๆ ต่าง ๆ ที่เข้ามาเช่าพื้นที่ล้วนแล้วแต่เห็นศักยภาพในจุดนี้ จึงเกิดความเชื่อมั่นในการที่จะเข้ามาเช่าพื้นที่ในโครงการ" นายเศรษฐวัจน์กล่าว
นายเศรษฐวัจน์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่านอกจากแบรนด์ดังทั้ง 4 รายที่เข้าร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือแล้ว ยังมีร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ อีกหลายราย รวมถึงร้านกาแฟแบรนด์ต่างประเทศชื่อดังที่อยู่ในระหว่างการเจรจา และตกลงรายละเอียดในการเช่าพื้นที่ของศูนย์การค้า โดยที่คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนของผู้เช่ารายอื่น ๆ ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งการเข้าร่วมลงนามเช่าพื้นที่ของ 4 แบรนด์ดังดังกล่าว จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เช่ารายอื่น ๆ และผู้สนใจจองสิทธิอาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมงาน ในงานพรีเซลล์วันที่ 8 สิงหาคม 2558 นี้ อย่างแน่นอน
ด้านนายชัยภัทร เกตุนิรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายขยายสาขา ห้างสรรพสินค้า บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด ผู้ประกอบการร้านแว่นท็อปเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตากว่า 50 ปี หนึ่งในผู้ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือเช่าพื้นที่โครงการ "แลนด์มาร์ค มหาชัย" เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความมั่นใจในทำเลศักยภาพของแลนด์มาร์ค มหาชัย และมีความเชื่อมั่นใน EMC ที่เป็นผู้บริหารโครงการ ว่าจะสามารถบริหารจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงตัดสินใจเช่าพื้นที่เปิดห้างแว่นท็อปเจริญ ซึ่งสามารถตอบสนองนโยบายของบริษัทฯ ในการเน้นขยายสาขาในศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์มากขึ้น ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยในปัจจุบันห้างแว่นท็อปเจริญมีสาขาทั้งหมดกว่า 2,800 สาขา
"ในช่วงหลังเราเน้นขยายสาขาในคอมมูนิตี้มอลล์มากขึ้น เพราะพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไป ซึ่งแลนด์มาร์ค มหาชัยสามารถตอบโจทย์ของเราได้ เพราะอยู่ในทำเลศักยภาพกลางเมืองมหาชัย และที่สำคัญ ผู้บริหารโครงการอย่าง EMC ก็เป็นผู้บริหารมืออาชีพ สามารถบริหารจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราเชื่อมั่นว่าเราจะได้เพื่อนบ้านที่ดี และทุกร้านค้าในศูนย์ฯสามารถเปิดบริการได้พร้อมกัน ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น" นายชัยภัทรกล่าว
ในขณะที่นายมาซามิซึ อิคุตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ประกอบการซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดัง Max Valu ผู้เช่าพื้นที่รายใหญ่ในโครงการ "แลนด์มาร์ค มหาชัย" เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความมั่นใจในโครงการ และศักยภาพของเมืองมหาชัย เพราะเป็นเมืองเก่า และเป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญ มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่จำนวนมาก ทำให้เป็นตลาดที่ใหญ่ และที่สำคัญยังไม่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เป็นแบรนด์ในระดับนี้ โดยปัจจุบัน 'Max Valu' มีสาขาทั้งหมด 77 สาขา และมีแผนที่จะขยายสาขาในปีนี้ 10 สาขา และปีหน้าอีก 5 สาขา
"เรารู้สึกชอบตั้งแต่เห็นโครงการ และมั่นใจในศักยภาพของเมืองมหาชัย ที่สำคัญมีคนญี่ปุ่นประกอบธุรกิจในพื้นที่จำนวนมาก โดยบริษัทฯจะมุ่งเน้นในการพัฒนาอาหารพร้อมทาน ทั้งอาหารไทย และอาหารญี่ปุ่น ให้มีคุณภาพ และราคาเหมาะสม รวมถึงพัฒนาการบริการในทุกด้านเพื่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง" นายอิคุตะกล่าว