นายพงษ์พจน์ พิมพ์สมฤดี ผู้บริหารและผู้ดำเนินโครงการ "บ้าน พ บางคนที" เผยตลาดรีสอร์ทและโฮมสเตย์ใน จ.สมุทรสงคราม บูมต่อเนื่อง นักลงทุนจากกรุงเทพฯเคลื่อนเข้ามาพัฒนา ดันราคาที่ดินแพงขึ้น ระบุโฮมสเตย์ บ้าน พ บางคนที ลูกค้านิยมเข้ามาพัก คงความเป็นธรรมชาติ กว่า 90% ลูกค้าคนไทย แย้มมีแผนทำโฮสเทลที่หัวหิน
ผู้ดำเนินโครงการ "บ้าน พ บางคนที" ในจังหวัดสมุทรสงคราม เมืองท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดรีสอร์ทและโฮมสเตย์ สไตล์บูทิคในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่า มีนักลงทุนจากในกรุงเทพฯเริ่มเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสนใจในธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นเมืองเก่าที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สะท้อนให้เห็นถึง ประวัติศาสตร์ของจังหวัด จากปัจจัยบวกดังกล่าว ส่งผลให้การแข่งขันในการให้บริการที่พักเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ปัจจุบันจะมีสัดส่วนการพัฒนาโฮมสเตย์มีมากกว่า80% โดยกระจายไปทั่วทั้งอ.เมือง อ.อัมพวา และ อ.บางคนที แต่จะกระจุกตัวมากสุดใน อ.อัมพวา เพราะใกล้แหล่งท่องเที่ยวดังคือ ตลาดน้ำอัมพวา
สำหรับการเข้ามาดำเนินธุรกิจโฮมสเตย์ "บ้าน พ คนที" มาได้ประมาณ 10 ปี ปรากฏว่าเป็นที่ตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ ที่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม พัฒนาในรูปแบบรีสอร์ท สไตล์ยูนีคที่ยึดแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ใช้งบลงทุนไปทั้งสิ้นกว่า10 ล้านบาท โดยเริ่มแรกต้องการก่อสร้างเพื่อต้องการพักผ่อนเป็นบ้านหลังที่สองของ ครอบครัว ต่อมาจึงมีแนวคิดที่จะดำเนินธุรกิจเป็นโฮมสเตย์ เพราะได้รับการตอบรับดีจากกลุ่มเพื่อนๆที่มากพัก ปัจจุบันราคาค่าบริการเริ่มต้นที่ 1,800 - 6,500 บาท โดยสัดส่วน90% เป็นลูกค้าคนไทย อีก10% เป็นต่างชาติ อาทิ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส มาเลเซีย ทั้งนี้เพราะชื่นชอบในบรรยากาศ การบริการ และราคาที่ไม่สูงมากนัก ถือเป็นโฮมสเตย์ในรูปแบบยูนีคที่ติดอันดับ1ใน 5 ของจังหวัดสมุทรสงคราม
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตได้ศึกษาที่จะพัฒนาโรงแรมริมทะเล โดยสนใจทำเลหัวหิน ขนาดที่ดินประมาณ 100 ตารางวา เพื่อทำเป็นโฮสเทล แต่ด้วยปัจจุบันราคาที่ดินพุ่งสูงถึง 120 ล้านบาท/ไร่ จึงหาซื้อได้ยาก
"เป็นคนชอบบรรยากาศริมทะเล จึงอยากทำโฮลเทลริมทะเลในใจกลางหัวหิน แต่ด้วยราคาที่ดินที่แพงจึงหาซื้อได้ยาก และเปลี่ยนมือยาก เพราะผู้ครอบครองที่ดินส่วนใหญ่ต้องนำมาเพื่อสร้างประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่า ที่ดิน หากรายไหนมีที่ดินที่มีศักยภาพแต่ไม่นำมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ก็อยากให้ภาค รัฐจัดเก็บภาษี เพื่อไม่ให้เจ้าของที่ดินเก็งกำไรที่ดินมากจนเกินไป"
นายพงษ์พจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยังมีที่ดินสะสมริมแม่น้ำแม่กลอง ตรงข้ามสนามกีฬาจังหวัดสมุทรสงคราม อีกประมาณ3 ไร่ ซึ่งซื้อมา 3 ปีที่ผ่านมา ประมาณไร่ละ 5 ล้านบาท อนาคตมีแผนจะทำเป็นจุดชมวิวของจังหวัด สูงเทียบเท่าอาคาร 10 ชั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างหาพันธมิตรร่วมทุน ทั้งนี้มองว่าจ.สมุทรสงคราม ยังไม่มีแลนด์มาร์คที่เป็นจุดชมวิวเหมือนหลายๆประเทศอาทิ ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา ที่จะมีจุดชมวิวในทุกๆเมือง จึงอยากให้ภาครัฐให้การสนับสนุนการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัด เพื่อให้เกิดเงินสะพัดในประเทศ อีกทั้งยังสามารถสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นได้อีกด้วย
ปัจจุบันราคาที่ดินในเขต อ.เมือง ราคามากกว่า10 ล้านบาท/ไร่ขึ้นไป รองลงมาจะเป็นที่ดินติดริมแม่น้ำฝั่ง อ.อัมพวา ในทำเลที่มีศักยภาพจริงๆ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านขึ้นไป เมื่อเทียบกับประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา มีการปรับตัวสูงถึงเท่าตัว โดยเจ้าของที่ดินในมือส่วนใหญ่เป็นการถือครองเพื่อเก็งกำไรมากกว่านำมาพัฒนา เพื่อเกิดประโยชน์ คาดว่าในอนาคตนับจากนี้ไปราคาที่ดินคงไม่ปรับตัวสูงกว่านี้มากนัก ตราบใดที่เจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ยังไม่มีการนำที่ดินมาพัฒนา.
ขอบคุณข้อมูลจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์